โทษสุดเลวร้ายจากการคบคนชั่ว : พระเจ้าอชาตศัตรู ผู้ฆ่าพระบิดาของตนเอง ด้วยวิธีการทรมานแสนทารุณ
ในกาลก่อน พระราชาพิมพิสารได้ทรงฉลองพระบาทเข้าไปในลานพระเจดีย์ และเอาพระบาทที่ไม่ได้ชําระเหยียบเสื่อกกที่เขาปูไว้สําหรับนั่ง นี้เป็นผลของบาปนั้น.: มีดโกนผ่าพื้นพระบาททั้ง ๒ ข้าง เอาน้ำมันผสมเกลือทา แล้วย่างด้วยถ่านเพลิงไม้ตะเคียน http://winne.ws/n14038
พระเทวทัตได้หมั่นไปเฝ้าอชาตศัตรูราชกุมาร แล้วถวายคำแนะนำยุยงเนือง ๆ ว่า สมัยก่อนคนเราอายุยืน แต่สมัยนี้คนอายุสั้น ด้วยเหตุนี้อชาตศัตรูราชกุมารอาจจะสิ้นพระชนม์เสียก่อนที่ได้ขึ้นครองราชย์ก็ได้ ดังนั้นพระองค์จึงน่าจะปลงพระชนม์พระราชบิดา แล้วยึดครองราชสมบัติเสีย ส่วนตนเองก็จะปลงพระชนม์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วปกครองสงฆ์แทนเสียเอง
ด้วยเหตุที่อชาตศัตรูราชกุมาร ทรงหลงเลื่อมใสพระเทวทัตมากมายเพียงไรก็ตามแต่ด้วยความผูกพันเกรงกลัวในฐานะพระโอรสที่ทรงมีต่อพระราชบิดา อชาตศัตรูราชกุมารก็ไม่อาจ สะกดความหวาดหวั่นสะดุ้งกลัวไว้ได้ ทรงส่ออาการเป็นพิรุธ
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 342
อํามาตย์ตรัสถาม พระกุมารว่า ลูกต้องการจะฆ่าพ่อเพื่ออะไร. พระกุมารกราบทูลว่าหม่อมฉันต้องการราชสมบัติ พระเจ้าข้า. พระราชาได้พระราชทานราชสมบัติแก่พระโอรสนั้น.
อชาตศัตรูราชกุมาร บอกแก่พระเทวทัตว่า ความปรารถนาของเราสําเร็จแล้ว. ลําดับนั้นพระเทวทัตกล่าวกะพระกุมารว่า พระองค์เหมือนคนเอาสุนัขจิ้งจอกไว้ภายในกลองหุ้มหนัง แล้วสําคัญว่าทํากิจสําเร็จเรียบร้อยแล้ว อีกสองสามวันพระบิดาของพระองค์ทรงคิดว่า พระองค์ทําการดูหมิ่น แล้วก็จักเป็นพระราชาเสียเอง.
พระกุมารถามว่า ถ้าอย่างนั้น ข้าพเจ้าจะทําอย่างไรเล่า. พระเทวทัตตอบว่า จงฆ่าชนิดถอนรากเลย. พระกุมารตรัสว่า พระบิดาของข้าพเจ้าไม่ควรฆ่าด้วยศาตรามิใช่หรือ. พระเทวทัตจึงกล่าวว่า จงฆ่าพระองค์ด้วยการตัดพระกระยาหาร. พระกุมารจึงสั่งให้เอาพระบิดาใส่เข้าในเรือนอบ. ที่ชื่อ
ว่าเรือนอบ คือเรือนมีควันที่ทําไว้เพื่อลงโทษแก่นักโทษ. พระกุมารสั่งไว้ว่า นอกจากพระมารดาของเราแล้ว อย่าให้คนอื่นเยี่ยม.
พระเทวีทรงใส่ภัตตาหารในขันทองคําแล้วห่อชายพกเข้าเยี่ยมพระราชา. พระราชาเสวยภัตตาหารนั้นจึงประทังพระชนม์อยู่ได้.
พระกุมารตรัสถามว่า พระบิดาของเราดํารงพระชนม์อยู่ได้อย่างไร. ครั้นทรงทราบความเป็นไปนั้นแล้ว ตรัสสั่งห้ามมิให้พระมารดานําสิ่งของใส่ชายพกเข้าเยี่ยม.
ตั้งแต่นั้น พระเทวีก็ใส่ภัตตาหารไว้ในพระเมาลีเข้าเยี่ยม. พระกุมารทรงทราบแม้ดังนั้น รับสั่งห้ามมิให้พระมารดามุ่นพระเมาลีเข้าเยี่ยม.
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 343
ลําดับนั้น พระเทวีทรงใส่ภัตตาหารไว้ในฉลองพระบาททองปิดดีแล้ว ทรงฉลองพระบาททองเข้าเยี่ยม. พระราชาดํารงพระชนม์อยู่ด้วยภัตตาหารนั้น. พระกุมารตรัสถามอีกว่า พระบิดาดํารงพระชนม์อยู่ได้อย่างไร ครั้นทรงทราบความนั้น ตรัสสั่งห้ามมิให้แม้แต่ทรงฉลองพระบาทเข้าเยี่ยม.
ตั้งแต่นั้นพระเทวีก็ทรงสนานพระวรกายด้วยน้ําหอม แล้วทาพระวรกายด้วยอาหารมีรสอร่อย ๔ อย่าง แล้วทรงห่มพระภูษาเข้าเยี่ยม.พระราชาทรงเลียพระวรกายของพระเทวีประทังพระชนม์อยู่ได้. พระกุมารตรัสถามอีก ครั้นทรงทราบดังนั้นแล้วจึงตรัสสั่งว่า ตั้งแต่นี้ไป ห้ามพระมารดาเข้าเยี่ยม.
ต่อแต่นั้น พระเทวีประทับยืนแทบประตูทรงกันแสงคร่ําครวญว่า ข้าแต่พระสวามีพิมพิสาร เวลาที่เขาผู้นี้เป็นเด็ก พระองค์ก็ไม่ให้โอกาสฆ่าเขา ทรงเลี้ยงศัตรูของพระองค์ไว้ด้วยพระองค์เองแท้ ๆ บัดนี้ การเห็นพระองค์ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ต่อแต่นี้ไปหม่อมฉันจะไม่ได้เห็นพระองค์อีก ถ้าโทษของหม่อมฉันมีอยู่ ขอได้โปรดพระราชทานอภัยโทษด้วยเถิดพระเจ้าข้า แล้วก็เสด็จกลับ.
ตั้งแต่นั้นมาพระราชาก็ไม่มีพระกระยาหาร ดํารงพระชนม์อยู่ด้วยความสุขประกอบด้วยมรรคผล ( ทรงเป็นพระโสดาบัน) ด้วยวิธีเดินจงกรม พระวรกายของพระองค์ก็เปล่งปลั่งยิ่งขึ้น.
พระกุมารตรัสถามว่า แน่ะพนาย พระบิดาของเรายังดํารงพระชนม์อยู่ได้อย่างไร ครั้นทรงทราบว่า ยังดํารงพระชนม์อยู่ได้ด้วยวิธีเดินจงกรม พระเจ้าข้า ซ้ำพระวรกายยังเปล่งปลั่งยิ่งขึ้นอีก จึงทรงพระดําริว่า เราจักตัดมิให้พระบิดาเดินจงกรมได้ในบัดนี้ ทรงบังคับช่างกัลบก
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 344
ทั้งหลายว่า พวกท่านจงเอามีดโกนผ่าพระบาททั้ง ๒ ของพระบิดาของเรา แล้วเอาน้ำมันผสมเกลือทา แล้วจงย่างด้วยถ่านไม้ตะเคียนซึ่งติดไฟคุไม่มีเปลวเลย แล้วส่งไป. พระราชาทอดพระเนตรเห็นพวกช่างกัลบก ทรงดําริว่า ลูกของเราคงจักมีใครเตือนให้รู้สึกตัวแน่แล้ว ช่างกัลบกเหล่านี้คงจะมาแต่งหนวดของเรา.
ช่างกัลบกเหล่านั้นไปถวายบังคมแล้วยืนอยู่ ครั้นถูกตรัสถามว่า มาทําไม จึงกราบทูลให้ทรงทราบ พระราชาพิมพิสารจึงตรัสว่า พวกเจ้าจงทําตามใจพระราชาของเจ้าเถิด พวกช่างกัลบกจึงกราบทูลว่า ประทับนั่งเถิด
พระเจ้าข้า ถวายบังคมพระเจ้าพิมพิสารแล้วกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ พวกข้าพระองค์จําต้องทําตามพระราชโองการ ขอพระองค์ อย่าทรงพิโรธพวกข้าพระองค์เลย การกระทําเช่นนี้ไม่ควรแก่พระราชาผู้ทรงธรรมเช่นพระองค์แล้วจับข้อพระบาทด้วยมือซ้าย ใช้มือขวาถือ
มีดโกนผ่าพื้นพระบาททั้ง ๒ ข้าง เอาน้ำมันผสมเกลือทา แล้วย่างด้วยถ่านเพลิงไม้ตะเคียนที่กําลังคุไม่มีเปลวเลย.
เล่ากันว่า ในกาลก่อน พระราชาพิมพิสารได้ทรงฉลองพระบาทเข้าไปในลานพระเจดีย์ และเอาพระบาทที่ไม่ได้ชําระเหยียบเสื่อกกที่เขาปูไว้สําหรับนั่ง นี้เป็นผลของบาปนั้น.
พระราชาพิมพิสารทรงเกิดทุกขเวทนาอย่างรุนแรง ทรงรําลึกอยู่ว่า อโห พุทฺโธ อโห ธมฺโม อโห สงฺโฆ เท่านั้น ทรงเหี่ยวแห้งไปเหมือนพวงดอกไม้ที่เขาวางไว้ในลานพระเจดีย์ บังเกิดเป็นยักษ์ชื่อชนวสภะ เป็นผู้รับใช้ของท้าวเวสสวรรณในเทวโลกชั้นจาตุมหาราช.
ขอบคุณวิดิโอจาก https://www.youtube.com/watch?v=uz-tFEqWzYU
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 345
และในวันนั้นนั่นเอง พระโอรสของพระเจ้าอชาตศัตรูก็ประสูติ. หนังสือ ๒ ฉบับ คือข่าวพระโอรสประสูติฉบับหนึ่ง ข่าวพระบิดาสวรรคตฉบับหนึ่ง มาถึงในขณะเดียวกันพอดี.
พวกอํามาตย์ปรึกษากันว่า พวกเราจักทูลข่าวพระโอรสประสูติก่อนจึงเอาหนังสือข่าวประสูตินั้นทูนถวายในพระหัตถ์ของพระเจ้าอชาตศัตรู.
ความรักลูกเกิดขึ้นแก่พระองค์ในขณะนั้นทันที ท่วมไปทั่วพระวรกายแผ่ไปจดเยื่อในกระดูก. ในขณะนั้นพระองค์ได้รู้ซึ้งถึงคุณของพระบิดาว่าแม้เมื่อเราเกิด พระบิดาของเราก็คงเกิดความรักอย่างนี้เหมือนกัน.
จึงรีบมีรับสั่งว่า แน่ะพนาย จงไปปล่อยพระบิดาของเรา. พวกอํามาตย์ทูลว่าพระองค์สั่งให้ปล่อยอะไร พระเจ้าข้า แล้วถวายหนังสือแจ้งข่าวอีกฉบับหนึ่งที่พระหัตถ์. พอทรงทราบความเป็นไปดังนั้น พระเจ้าอชาตศัตรูทรงกันแสง เสด็จไปเฝ้าพระมารดา ทูลว่า ข้าแต่เสด็จแม่ เมื่อหม่อมฉัน เกิด พระบิดาของหม่อมฉันเกิดความรักหม่อมฉันหรือหนอ
พระนางเวเทหิมีรับสั่งว่า เจ้าลูกโง่ เจ้าพูดอะไร เวลาที่ลูกยังเล็กอยู่ เกิดเป็นฝีที่นิ้วมือ ครั้งนั้นพวกแม่นมทั้งหลายไม่สามารถทําให้ลูกซึ่งกําลังร้องไห้หยุดร้องได้ จึงพาลูกไปเฝ้าเสด็จพ่อของลูกซึ่งประทับนั่งอยู่ในโรงศาลเสด็จพ่อของลูกได้อมนิ้วมือของลูกจนฝีแตกในพระโอษฐ์นั้นเอง ครั้งนั้นเสด็จพ่อของลูกมิได้เสด็จลุกจากที่ประทับ ทรงกลืนพระบุพโพปนพระโลหิตนั้นด้วยความรักลูก เสด็จพ่อของลูกมีความรักลูกถึงปานนี้.
พระเจ้าอาชาตศัตรูทรงกันแสงคร่ำครวญ ได้ถวายเพลิงพระศพพระบิดา.
ฝ่ายพระเทวทัตเข้าเฝ้าพระเจ้าอชาตศัตรูทูลว่า มหาบพิตร พระองค์ จงสั่งคนที่จักปลงชีวิตพระสมณโคดม แล้วสั่งคนทั้งหลายที่พระเจ้า-
พระะเทวทัต ขอให้ช่วยพาไปเฝ้าพระพุทธเจ้า แต่ไปไม่ถึง เพราะบาปมากไม่สามารถเข้าถึงได้
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 346
อชาตศัตรูพระราชทาน ตนเองขึ้นเขาคิชฌกูฏ กลิ้งศิลาก็แล้ว ให้ ปล่อยช้างนาฬาคิรีก็แล้ว ด้วยอุบายไม่ว่าอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ไม่อาจปลงพระชนม์พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ ก็เสื่อมลาภสักการะ จึงขอวัตถุ ๕ ประการ เมื่อไม่ได้วัตถุ ๕ ประการนั้นก็ประกาศว่า ถ้าอย่างนั้น จักให้มหาชนเข้าใจเรื่องให้ตลอด จึงทําสังฆเภท เมื่อพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะพาบริษัทกลับแล้ว จึงรากเลือดออกร้อน ๆ นอนอยู่บนเตียง คนไข้ ๙ เดือน เดือดร้อนใจ
พระเทวทัต ถูกธรณีสูบ เมื่อขณะเดินทางเพื่อขอขมาพระพุทธเจ้า
ถามว่า เดี๋ยวนี้พระศาสดาประทับอยู่ที่ไหน ครั้นได้รับตอบว่า ในพระเชตวัน จึงกล่าวว่า พวกท่านจงเอา เตียงหามเราไปเฝ้าพระศาสดา เมื่อเขาหามมา เพราะมิได้กระทํากรรมที่ควรจะได้เฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงถูกแผ่นดินสูบที่ใกล้สระโบกขรณีในพระเชตวันนั่นเอง ลงไปอยู่ในมหานรก. นี้เป็นความย่อในเรื่องนี้.
พระเจ้าอชาตศัตรูเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
นับแต่วันที่ปลงพระชนม์พระราชบิดา ครั้งใดที่พระเจ้าอชาตศรัตรูหลับพระเนตรลงด้วยความหวาดระแวงภัยทุกครั้ง พระองค์จึงไม่อาจบรรทมหลับได้เลยไม่ว่ากลางคืนหรือกลางวัน ได้แต่ประทับนั่งเพื่อบรรเท่าความง่วงเท่านั้น
ในวาระสุดท้าย พระเจ้าอชาตศรัตรู ก็ถูกพระราชโอรส ของพระองค์เอง ลอบปลงพระชนม์ขณะบรรทม เพื่อยึดราชสมบัติเช่นกัน
ในอรรถกถา อธิบายว่า ในสมัยพุทธกาล มีราชวงศ์ล้างตระกูล คือลูกฆ่าพ่อถึง 5 ชั่วอายุ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.dhammahome.com/webboard/topic/3619