เรื่องเล่า อัศจรรย์ดวงแก้วกายสิทธิ์

เรื่องราวของ “กายสิทธิ์” สรุปให้ฟังพอสังเขปได้ว่า เป็นสิ่งที่สำเร็จจากบุญฤทธิ์ ลักษณะคล้ายเทวดา แต่ไม่ใช่เทวดา เป็นภาคผู้เลี้ยงผู้รักษามนุษย์ มีอยู่ 3 ระดับ คือ จุลจักร มหาจักร และบรมจักร สามารถดลบันดาลในสิ่งที่มนุษย์พึงปรารถนาทุกอย่าง http://winne.ws/n14536

5.0 พัน ผู้เข้าชม

ดวงแก้วมณีโชติรสคือสมบัติจักรพรรดิหนึ่งในเจ็ดอย่างของพระเจ้าจักรพรรดิ

เรื่องเล่า อัศจรรย์ดวงแก้วกายสิทธิ์

เรื่องเล่า “ดวงแก้วจากฟ้า”

เรื่องราวของ “กายสิทธิ์” สรุปให้ฟังพอสังเขปได้ว่า เป็นสิ่งที่สำเร็จจากบุญฤทธิ์ ลักษณะคล้ายเทวดา แต่ไม่ใช่เทวดา เป็นภาคผู้เลี้ยงผู้รักษามนุษย์ มีอยู่ 3 ระดับ คือ จุลจักร มหาจักร และบรมจักร สามารถดลบันดาลในสิ่งที่มนุษย์พึงปรารถนาทุกอย่าง 

“เรือนกาย” หรือ “ที่อยู่อาศัย” จะแตกต่างกันออกไปตามกำลังบุญธาตุ ทั้งขนาดและประเภท ตัวอย่างเช่น 

1.ในพืช เรียกว่า “คต”

2.ในสัตว์ เรียกว่า “เพชรตาแมว”

3.ในโลหะ เรียกว่า “เหล็กไหล”

4.ในรัตนชาติ เรียกว่า “แก้วมณี” 

เป็นต้น เขาจะนั่งสมาธิอยู่ข้างใน อยู่ได้ด้วยการอาศัยบุญของผู้เป็นเจ้าของ ชอบแสงจันทร์ และดอกมะลิ ฯลฯ

อนาถบิณฑิกเศรษฐี ผู้มีดวงแก้วกายสิทธิ์หรือที่เรียกว่าสิริ อันเป็นที่มานอนแห่งโภคทรัพย์

เรื่องเล่า อัศจรรย์ดวงแก้วกายสิทธิ์

ในพระไตรปิฎกก็ปรากฏเรื่องราวของดวงแก้ววิเศษ เช่น ของพระเจ้าจักรพรรดิ , ของพญานาคราช , ของปุณณกยักษ์ที่นำมาพนันแลกกับตัววิธูรบัณฑิต , ของโชติกเศรษฐี และของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นต้น บางทีก็เรียกกายสิทธิ์นี้ว่า “สิริ” 

ยุคทำวิชชาหลวงปู่วัดปากน้ำก็มีการขุดดวงแก้วจักรพรรดิขึ้นมา เชื่อว่าถ้าขุดขึ้นมาใช้ทำวิชชาจะสามารถเลี้ยงคนได้ทั้งโลก แต่เมื่อขุดขึ้นมาแล้ว วันหนึ่งเกิดเมฆฝนฟ้าร้อง ฟ้าผ่า แล้วดวงแก้วก็อันตรธานหายไป เพราะบุญมนุษย์ในยุคนี้มีไม่เพียงพอ

(ผู้เล่าคืออดีตเจ้าอาวาสวัดลำพญา ตอนเป็นสามเณรได้อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย)

ดวงแก้วกายสิทธิ์บางดวงแม้บารมีไม่เท่าดวงที่หายไป แต่ก็สามารถนำมาทำวิชชาช่วยเหลือมนุษย์ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ ปัจจุบันดวงแก้วของหลวงปู่ ถูกบรรจุอยู่ภายในรูปหล่อหลวงปู่วัดปากน้ำ 

คนมีบุญที่ดวงแก้วลอยมาหาเองเลยก็มี ท่านคือ “คุณยายเพิ่ม แก้ววิเศษ” ด้วยบุญของท่านที่ทำไว้ในปางก่อน วันหนึ่งฝนตกฟ้าครึ้ม คุณยายเพิ่มกำลังรองน้ำอยู่ที่รางน้ำ อยู่ ๆ ก็มีเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาที่บ้าน ท่านได้ยินเสียงกลิ้งกรุบ ๆ มาที่รางน้ำฝน แล้วจ๋อมลงในโอ่ง พอเดินไปดูก็เห็นมีดวงแก้วอยู่ดวงหนึ่ง ลักษณะยาว ๆ ตรงโคนใส ตรงปลายขุ่นหน่อย ๆ 

น่าแปลกที่แก้วดวงนี้ลอยได้โดยไม่ต้องมีใครจับ เปล่งแสงได้ และพูดได้ด้วย เวลาคุณยายเพิ่มจะไปไหน ดวงแก้วก็จะลอยนำทางไปเลย กิตติศัพท์นี้เลื่องลือกันไปทั่ว อยู่มาวันหนึ่งท่านคิดว่าจะเอาไปทำหัวแหวน จะให้ช่างตัดตรงที่ขุ่น ๆ ออก แล้วเอาบริเวณที่ใส ๆ มาทำหัวแหวน

แต่ช่างเห็นแล้วรู้สึกชอบ เวลาคุณยายเพิ่มไปทวงก็บ่ายเบี่ยง ไม่ยอมคืนเสียที แต่คุณยายท่านมีวิธีเรียกแก้วกลับมา ปรากฏว่า แก้วที่อยู่ในมือของช่าง ดิ้นพรวดลงมาเป็นแมลงภู่บินหายไปเลย ตกดึกคุณยายเพิ่มนอนตะแคงอยู่ พอพลิกตัวก็ทับดวงแก้วพอดี จึงอุทานว่า “อ้อ! ดวงแก้วกลับมาแล้ว” 

ต่อมาท่านไปกราบเรียนเรื่องนี้ให้หลวงปู่ฟัง หลวงปู่เลยขอยืมดวงแก้วมาทำวิชชา มีครั้งหนึ่งดวงแก้วบอกว่า “เดี๋ยวไปช่วยหลานยายเพิ่มก่อน” แล้วก็แวบหายไป ปรากฏว่า หลานยายเพิ่มถูกนักเลงรุมตีอยู่แถว ๆ กอหญ้า แต่อยู่ ๆ หลานคุณยายเพิ่มก็หายไป นักเลงที่รุมตีหาไม่เจอทั้ง ๆ ที่เพิ่งเหยียบกันอยู่หยก ๆ ฝ่ายหลานคุณยายเพิ่ม ก็เห็นพวกนักเลงเดินเฉียดไปมา แต่ไม่รู้ว่าทำไมพวกนั้นมองไม่เห็นตน 

เรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งของกายสิทธิ์มีอยู่มากมาย ทั่วทุกภูมิภาค บางคนเคยเจอกับตัวก็เชื่อ บางคนไม่เคยเจอก็ไม่เชื่อ แต่ก็ฟังพอเป็นปกิณกะไปนะครับ ของกายสิทธิ์ เช่น ดวงแก้ว มีอานุภาพคุ้มครองรักษามนุษย์ บันดาลสมบัติ และช่วยในเรื่องการปฏิบัติธรรม ใครมีก็เก็บรักษาไว้ให้ดี แล้วอย่าลืมส่งบุญให้เขาด้วยนะครับ เขาชอบอยู่กับคนที่ทำทาน รักษาศีล และปฏิบัติธรรมเป็นประจำ.

เรียบเรียงโดย “ตั้งอยู่ในธรรม”


https://timeline.line.me/post/_dcw9JhabIy0A3WWc-L7pW-GZF1h8I5m0vZkN50I/1149121241503060875

แชร์