วัดพระธรรมกาย เป็นวัดในพระพุทธศาสนา นิกายเถรวาท ไม่ใช่ "ลัทธิ" หรือนิกายใหม่! จริงหรือไม่ ?
ศาสนาพุทธมีนิกายหลักอยู่ 2 นิกาย คือนิกายมหายาน กับ นิกายเถรวาท เหตุของการแตกออก เป็น 2 นิกาย เกิดมาจาก การสังคายนาพระธรรมวินัย ในเมืองไทยแต่เดิมก็ไม่มี "ธรรมยุติ" หรือ "มหานิกาย" มีแต่ "เถรวาท" http://winne.ws/n14741
วัดพระธรรมกาย เป็นวัดในพระพุทธศาสนา นิกายเถรวาท ไม่ใช่ "ลัทธิ" หรือนิกายใหม่!และอยู่ภายใต้การปกครองของพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ไทย มาโดยตลอด
มีกัลยาณมิตรถามใน Inbox ว่า....ธรรมกายใช่ "พุทธเถรวาท" ไหม?
คิดว่าน่าจะเป็นคำถามที่หลายคน มีความสงสัย ค้างคาใจกัน มิใช่น้อย ก็ขอตอบแบบลูกทุ่งแล้วกัน ไม่ใช่แบบวิชาการเผื่อจะมีประโยชน์ อยู่บ้าง พอไม่ให้ถูกใครเขาหลอก
ศาสนาพุทธมีนิกายหลักอยู่ 2 นิกาย คือนิกายมหายาน กับ นิกายเถรวาท เหตุของการแตกออก เป็น 2 นิกาย เกิดมาจาก การสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งแรก เกี่ยวกับพระพุทธดำรัส ให้ ถอนสิกขาบทบางข้อได้ ถ้าอนาคต ล้าหลัง ไม่เหมาะสมกับยุคสมัย เมื่อสอบถามพระอานนท์ว่า..วินัยเล็กน้อยนั้น หมายถึง สิกขาบทข้อใด? พระอานนท์ตอบไม่ได้ ที่ประชุม ที่เป็นพระอรหันต์ 500 รูป จึงมีมติให้คงไว้อย่างเดิม ไม่ให้ถอน
หลังจากทำสังคายนาเสร็จแล้ว ได้มีการแจ้งมติ ให้สงฆ์ได้รับทราบ ทั่วทั้งสังฆมณฑล ปรากฏว่า....กลุ่มที่เห็นด้วย กับสังฆมตินั้นก็มี ส่วนที่ไม่เห็นด้วย ก็มีอยู่มิใช่น้อย
เห็นด้วยเพราะว่า..ในเมื่อไม่ชัดเจน เกรงว่าการให้ถอนอาจผิดพลาดได้ ไม่เห็นด้วยก็เพราะว่า...ในเมื่อเป็นพุทธานุญาต ก็แสดงว่า ทรงมองเห็นการณ์ไกลแล้วว่าโลกและสังคม ต้องมีการเปลี่ยนแปลง สิกขาบท จึงควรเปลี่ยนตามด้วย
กลุ่มที่ไม่เห็นด้วย ถูกฝ่ายที่เห็นด้วย กับมติสงฆ์ทั้ง 500 รูป ที่ทำสังคายนา เรียกแบบเหมารวมว่า..."อาจริยวาท" หมายถึงยึดถือหรือเห็นตามอาจารย์ ไม่ยึดถือไม่เห็นด้วยกับมติที่ประชุม
แม้ศาสนาพุทธจะเริ่มมีร่องรอยการ แบ่งแยก เป็นสองนิกาย ตั้งแต่หลัง ทำสังคายนาครั้งแรกแล้ว ก็ตามแต่ก็ยังเห็นได้ ไม่ค่อยชัดเจนนัก ไปเห็นชัดเจนจริง ๆ หลังจาก พระพุทธเจ้าปรินิพพานล่วงไปแล้ว ประมาณ 100 ปี
เมื่อคณะสงฆ์กลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า "มหาสังฆิกะ" ประกาศแยกตัวออกจาก "เถรวาท" มหาสังฆิกะแท้จริงแล้วก็คือ....การรวมกลุ่มของอาจริยวาทนั่นเอง เพราะอาจริยวาทมีมากถึง17 นิกาย ต่อมาหลังจากนั้น หลายร้อยปี จึงได้พัฒนามาเป็น "นิกายมหายาน"
ประเทศที่นับถือนิกายมหายาน เช่น จีน,ญี่ปุ่น,กาหลี,เวียดนาม,ธิเบตฯลฯ การแต่งกายจะนิยมนุ่งกางเกง
ส่วนกลุ่มที่เห็นด้วย กับมติที่ประชุมเรียกตัวเองว่า "เถรวาท" เป็นพุทธที่ รักษารูปแบบเก่าแก่ดั้งเดิมเอาไว้ เป็นพุทธประเภท "อนุรักษ์นิยม" ประเทศที่นับถือเช่นประเทศกัมพูชา ลาว,พม่า, ศรีลังกา ไทย ฯลฯ การแต่งกายก็เป็นอย่างที่เราเห็นอยู่ ในประเทศไทยปัจจุบันนี้
ในเมืองไทยแต่เดิมก็ไม่มี "ธรรมยุติ" หรือ "มหานิกาย" มีแต่.... .."เถรวาท" ต่อมาเมื่อในหลวงรัชกาลที่ 4 ทรงตั้ง นิกายธรรมยุติ ซึ่งมีพระจำนวนน้อย ขึ้นมา พระที่เหลือจึงกลายเป็น "มหานิกาย" คือพระสงฆ์กลุ่มใหญ่ขึ้นมาอัตโนมัติ
เพียงเท่านี้คิดว่า คงพอแยกได้แล้ว "พุทธเถรวาท" กับ "พุทธมหายาน" มีต้นตอ มีความแตกต่างกันอย่างไร
ในเมื่อสามารถ แยกได้ชัดเจนแล้ว คงจะไม่หลงเชื่อคนที่พยายาม บิดเบือนว่า "ธรรมกายมิใช่เถรวาท" พระนิกายมหายานเป็นอย่างไร ก็ดูพระ "วัดเส้าหลิน" เป็นตัวอย่าง ก็ได้
ตราบใดที่พระสงฆ์วัดพระธรรมกายยังถือศีล 227 ข้ออยู่ ยังห่มผ้าแบบนี้ วัดพระธรรมกายก็ยังเป็นนิกายเถรวาท ไม่ใช่ "ลัทธิ" หรือนิกายใหม่ และยังอยู่ภายใต้การปกครองของพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ไทย มาโดยตลอด
อีกสิ่งหนึ่งที่ชี้ชัดว่า วัดพระธรรมกาย เป็นนิกายเถรวาทอย่างแน่นอนคือ ผลการสอบพระบาลี ที่พระภิกษุสามเณรและญาติโยมสอบผ่าน ในแต่ละปี มีผลรวมมากที่สุดในประเทศไทย..
คุณเสถียร โพธินันทะ
เปรียบอุปมา เถรวาท กับ มหายาน ไว้อย่างน่าฟังว่า เปรียบเหมือนนก ที่มีสองปีก ที่จะนำพาพุทธศาสนา เผยแผ่กว้างไกลไปทั่วโลก.
Cr.เรชุงปะ ศิวโมกข์