อยากรู้..เป็นเทวดามีบุญมาก อยากได้อะไรก็นึกเอา..แล้วเวลาจะทำบุญเขาทำอย่างไร แล้วสัตว์ทำบุญได้ไหม?
การเป็นมนุษย์จึงเป็นจุดศูนย์กลางของการจะไปเกิดสุคติหรือทุคติ กล่าวคือ หากทำดีไว้มาก ทำบุญไว้มากสร้างกุศลกรรมไว้มาก ก็จะมีโอกาสได้ไปเกิดยังสุคติภูมิ แต่ถ้าหากทำความชั่วไว้มากสร้างอกุศลกรรมไว้มาก ก็จะมีโอกาสได้ไปเกิดยังทุคติภูมิ http://winne.ws/n16097
เรื่องจากพระไตรปิฎก
วันหนึ่ง พระศาสดาเสด็จเข้าไปยังกรุงราชคฤห์ เพื่อบิณฑบาต ทอดพระเนตรเห็นนางลูกสุกรตัวหนึ่ง จึงทรงทำการแย้มพระโอษฐ์ให้ปรากฏ พระอานนทเถระจึงทูลถามเหตุแห่งการแย้มพระโอษฐ์ว่า "พระเจ้าข้าอะไรหนอแลเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัยแห่งการทำการแย้มให้ปรากฏ" พระศาสดาตรัสกับพระอานนท์ว่า "อานนท์ เธอเห็นนางลูกสุกรนั่นไหม"
พระอานนท์ "เห็น พระเจ้าข้า"
พระศาสดา "นางลูกสุกรนั้น ได้เกิดเป็นแม่ไก่ อยู่ในที่ใกล้โรงฉันแห่งหนึ่ง ในศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่ากกุสันธะ นางไก่นั้น ฟังเสียงประกาศธรรมของภิกษุผู้เป็นโยคาวจรรูปหนึ่งสาธยายวิปัสสนากัมมัฏฐานอยู่ จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้เกิดในราชตระกูล เป็นราชธิดาพระนามว่า อุพพรี
ในกาลต่อมา พระนางเสด็จเข้าไปยังสถานเป็นที่ถ่ายอุจจาระ ทอดพระเนตรเห็นหมู่หนอนแล้วยังปุฬวกสัญญาให้เกิดขึ้นในที่นั้น ได้ปฐมฌานแล้ว พระนางดำรงอยู่ในอัตภาพนั้นจนสิ้นอายุ
จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว เกิดในพรหมโลกครั้นพระนางจุติจากพรหมโลกนั้นแล้ว จึงได้มาเกิดในกำเนิดสุกรในบัดนี้ เราเห็นเหตุนี้ จึงได้ทำการแย้มให้ปรากฏ"
นี้เป็นตัวอย่างของการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ซึ่งได้รับความสุขบ้างทุกข์บ้างตามกรรมที่ตนกระทำ แม้จะมีสุขบ้าง เช่น ได้เกิดเป็นเทวดา หรือ เกิดในพรหมโลก ก็ไม่ได้เป็นสุขอย่างยั่งยืน เป็นความสุขเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เหล่าพระโพธิสัตว์และนักสร้างบารมีทั้งหลายจึงไม่อยากเสวยสุขอยู่บนสวรรค์นาน อยากลงมาสร้างบารมียังโลกมนุษย์เพื่อที่ว่าบารมีจะได้เต็มเปียมและเข้าสู่พระนิพพานอันเป็นจุดหมายปลายทางที่แท้จริง จะมีความสุขที่เที่ยงแท้ถาวรตลอดไป
การเป็นมนุษย์จึงเป็นจุดศูนย์กลางของการจะไปเกิดสุคติหรือทุคติ กล่าวคือ หากทำดีไว้มาก ทำบุญไว้มากสร้างกุศลกรรมไว้มาก ก็จะมีโอกาสได้ไปเกิดยังสุคติภูมิ แต่ถ้าหากทำความชั่วไว้มากสร้างอกุศลกรรมไว้มาก ก็จะมีโอกาสได้ไปเกิดยังทุคติภูมิ
การเป็นมนุษย์เป็นเพศภาวะที่สั่ง มบุญบารมีได้อย่างเต็มที่และสะดวกที่สุด เพราะมีกายหยาบ คือ กายมนุษย์ทำให้การประกอบกุศลกรรมต่าง ๆ ให้ผลมาก โดยเฉพาะหากได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ก็ยิ่งเป็นบุญลาภอย่างยิ่ง เพราะทำให้รู้ว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ และมีโอกาสทำบุญถูกเนื้อนาบุญซึ่งเป็นเหตุให้ได้บุญมาก แต่ในทางกลับกันหากได้ภาวะกายมนุษย์แล้วไปทำบาปเข้าผลบาปก็จะมากมหาศาลเช่นกัน
ส่วนการเป็นชาวสวรรค์นั้นจะเป็นกายละเอียด ผลจากการกระทำจึงไม่แรงเท่าขณะเป็นมนุษย์ กล่าวคือ เทวดาก็สามารถรักษาศีลและนั่งสมาธิได้ แต่ผลจากการปฏิบัติจะได้ไม่เท่ากับที่ทำในขณะเป็นมนุษย์ แต่เรื่องการให้ทานนั้นชาวสวรรค์ทำได้ยาก เพราะไม่อาจจะแบ่งทิพยสมบัติแจกจ่ายแก่กันและกันได้ เนื่องจากทิพยสมบัติทั้งหลายนั้นเกิดขึ้นด้วยอำนาจของบุญ หากใครไม่มีบุญก็ไม่อาจจะรองรับทิพยสมบัติได้ เหล่าเทวดาผู้ต้องการสั่งสมบุญด้วยการให้ทาน จึงต้องหาโอกาสลงมายังโลกมนุษย์ เช่น ท้าวสักกเทวราช เป็นต้น ท่านเคยแปลงร่างเป็นคนชราเพื่อลวงใส่บาตรพระมหากัสสปเถระ แต่ก็ถูกพระเถระตำหนิว่า พระองค์แย่งสมบัติของคนจน พระมหากัสสปะต้องการจะโปรดมนุษย์ผู้ขัดสนมากกว่า เนื่องจากวันนั้นท่านเพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ หากใครก็ตามได้ใส่บาตรกับท่านก็จะได้เป็นเศรษฐีประจำเมือง
ส่วนสัตว์ดิรัจฉานนั้นอาจจะสั่งสมบุญได้บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่จะต้องเป็นสัตว์ที่มีดวงปัญญามาก เช่น พระโพธิสัตว์ที่เสวยพระชาติเป็นสัตว์ชนิดต่าง ๆ เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่แล้วสัตว์ดิรัจฉานไม่มีดวงปัญญาพอที่จะสั่ง มบุญได้สำหรับสัตว์นรก เปรต และอสุรกายต่าง ๆ นั้นยังไม่สามารถสั่งสมบุญได้ เพราะอยู่ในภาวะที่ต้องรับผลของอกุศลกรรมที่ทำไว้สมัยเป็นมนุษย์ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
เป้าหมายสูงสุดของมนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย คือ การเข้าสู่พระนิพพาน การจะไปถึงไดอย่างรวดเร็วนั้น จะต้องสั่งสมบุญบารมีด้วยเพศภาวะของมนุษย์เท่านั้น เพราะสามารถสั่งสมบุญได้อย่างเต็มที่และสะดวกที่สุด แม้แต่พระโพธิสัตว์ผู้สั่งสมบารมีมาเต็มเปียมแล้วก็ยังต้องจุติจากเทวโลกเพื่อมาตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยกายมนุษย์ ยังไม่เคยมีปรากฏมาก่อนว่า พระโพธิสัตว์พระองค์ใดตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเพศภาวะอื่นนอกจากการเป็นมนุษย์
สังสารวัฏที่แสนยาวนาน
เทวโลกรวมทั้งพรหมโลกเป็นที่เสวยผลบุญและเป็นที่พักชั่วคราวเท่านั้น ยังไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่แท้จริง เมื่อเหล่าเทวดาและพรหมทั้งหลายหมดบุญที่จะอยู่ในสุคติชั้นนั้นแล้ว ก็ต้องจุติลงมาเกิดในภพภูมิต่าง ๆ ตามกรรมที่ได้ทำไว้ บ้างก็เกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นอื่นบ้างก็มาเกิดเป็นมนุษย์ บ้างก็มาเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน บ้างก็ไปบังเกิดเป็นสัตว์นรก ด้วยเหตุนี้การเป็นเทวดาและพรหมจึงไม่ได้พ้นจากความทุกข์อย่างถาวร ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ร่ำไปตราบใดที่ยังไม่หมดกิเลส
ที่มา: http://www.kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=14337