เรื่องของคนแพ้กุ้ง..
ที่เมื่อเอ่ยถึงกุ้งแล้วต้องขยาย เพราะกินเข้าไปทีไร เกิดอาการแพ้ทุกที และในบางคน ถ้ามีอากรแพ้มากๆ อาจเป็นเหตุต้องเสียชีวิตได้ไม่รู้ตัว http://winne.ws/n19383

กุ้ง ถือเป็นอาหารที่ฌปรนปรานของใครหลายคน ทั้งกุ้งน้ำจืด และกุ้งทะเลนำมาประกอบอาหารได้กลายเมนู แถมยัเป็นเมนูขึ้นื่อของประเทศเราซะด้วย ก็ “ต้มยำกุ้ง” นั่นไง แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เมื่อเอ่ยถึงกุ้งแล้วต้องขยาย เพราะกินเข้าไปทีไร เกิดอาการแพ้ทุกที และในบางคน ถ้ามีอากรแพ้มากๆ อาจเป็นเหตุต้องเสียชีวิตได้ไม่รู้ตัว
สาเหตุ และสังเกตอาการแพ้กุ้ง
อาการแพ้กุ้ง คือ หนึ่งในกลุ่มอาการแพ้อาหาร(food allergy) มีสาเหตุจากสารในอาหาร(Antigen) หรือสารที่เกิดขึ้นจากกระบวนการย่อยอาหาร(breakdown product) กระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวให้สร้างภูมิคุ้มกัน(Antibody) ขึ้นมาต่อต้าน อาการแพ้จึงปรากฏ
อาการแพ้จะแสดงออกใน 3 ระบบ ดังนี้
1.ระบบผิวหนัง เช่น มีผื่นขึ้น
2.ระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระร่วง
3.ระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด บางรายมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม มีบางกรณีที่บางคนอาจจะไม่เคยมีอาการแพ้กุ้งมาก่อนเลย แต่มาปรากฎอาการเมื่อตอนที่อายุเพิ่มมากขึ้น กรณีนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า อาการแพ้ที่เกิดจากภูมิคุ้มกันภายในร่างกายบกพร่องอาจมีสาเหตุมาจากการทำงานหนัก กินอาหารไม่ถูกสัดส่วน พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือหลายปัจจัยร่วมกัน
ในการทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องการแพ้กุ้งนี้ มีผลสรุปว่า กุ้งน้ำจืดที่ทำให้เกิดอาการแพ้มากที่สุด คือ กุ้งก้ามกราม ส่วนกุ้งทะเลที่ก่อให้เกิดการแพ้ คือ กุ้งกุลาดำ ทั้งนี้อาการแพ้อาจเกิดจากกุ้งเพียงชนิดเดียว หรือมากกว่า 1 ชนิด
มีการนำตัวอย่างเลือดของอาสาสมัครที่แพ้กุ้งมาทดสอบและวิเคราะห์หาสารก่อภูมิแพ้ จึงค้นพบว่า สารก่อภูมิแพ้ที่จำเพาะต่อคนไทยในกุ้งก้ามกราม คือ โปรตีนฮีโมไซยานิน ส่วนสารก่อภูมิแพ้ในกุ้งกุลาดำ คือ โปรตีนลิพิด บายดิง (lipid binding protein) และโปรตีนแอลฟาแอกตินิน(alpha actinin protein)
ในการป้องกันอาการแพ้ทุกชนิด ไม่ว่าจะแพ้กุ้ง แพ้อาหารทะเลชิดอื่นๆ แพ้อากาศ หรือแพ้ขนสัตว์ ก็ดี สามารถป้องกันได้ด้วยการกิน นอน พักผ่อน ออกกำลังกาย และทำงานให้สมดุลกับร่างกาย เพื่อให้ภูมิคุ้มกันภายในของร่างกายทำงานอย่างเป็นปกติ เพียงเท่านี้ อาการแพ้ต่างๆ ก็จะบรรเลาลง และหายไปได้ในที่สุดค่ะ
ขอขอบคุณบทความจาก : www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=2912&sub_id=98&ref_main_id=4 , http://www.todayhealth.org