๑๓ พระอรหันตเถรี ผู้เลิศด้านต่าง ๆ ในสมัยพุทธกาล ต้นแบบแห่งสตรีผู้มีบุญที่สั่งสมมาดีแล้ว
ภิกษุณี (บาลี: ภิกฺขุณี; สันสกฤต: ภิกฺษุณี) เป็นคำใช้เรียกนักพรตหญิงในศาสนาพุทธ คำว่า ภิกษุณี เป็นศัพท์ที่มีเฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น ซึ่งในสมัยพุทธกาลมีพระอรหันตเถรีที่บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ เข้าสู่พระนิพพาน จำนวน ๔๐ องค์ ด้วยกัน http://winne.ws/n22260
พระปฏาจาราเถรี
๑. พระปชาบดีโคตมีเถรี เอตทัคคะในทางผู้รู้ราตรีนาน
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6731
๒. พระเขมาเถรี เอตทัคคะในทางผู้มีปัญญา
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6785
๓. พระอุบลวรรณาเถรี เอตทัคคะในทางผู้มีฤทธิ์
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6765
๔. พระปฏาจาราเถรี เอตทัคคะในทางผู้ทรงพระวินัย
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6788
๕. พระธรรมทินนาเถรี เอตทัคคะในทางผู้เป็นธรรมกถึก
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6789
๖. พระนันทาเถรี เอตทัคคะในทางผู้ยินดีในฌาน
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6790
๗. พระโสณาเถรี เอตทัคคะในทางผู้ปรารภความเพียร
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6793
๘. พระสกุลาเถรี เอตทัคคะในทางผู้มีทิพยจักษุ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6953
๙. พระภัททากุณฑลเกสาเถรี เอตทัคคะในทางผู้ตรัสรู้ได้เร็วพลัน
๑๐. พระภัททกาปิลานีเถรี เอตทัคคะในทางผู้มีบุพเพนิวาสญาณ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6955
๑๑. พระภัททากัจจานาเถรี เอตทัคคะในทางผู้ทรงอภิญญา
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6958http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=43649
๑๒. พระกีสาโคตมีเถรี เอตทัคคะในทางผู้ทรงจีวรเศร้าหมอง
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6764
๑๓. พระสิงคาลมาตาเถรี เอตทัคคะในทางผู้พ้นกิเลสด้วยศรัทธา
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6719
พระอรหันตเถรีผู้ไม่ได้รับการแต่งตั้งจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นเลิศในด้านใด
๑๔. พระสุภาเถรี http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=8166
๑๕. พระอิสิทาสีเถรี http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=8165
๑๖. กุณฑลเกสีเถรี (ชัมพุปริพาชิกา-นักโต้วาทีหญิง) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=21229
และหาอ่านศึกษาเพิ่มเติมอีก ๒๔ พระอรหันตเถรีได้จากพระไตรปิฎก
อ่านเพิ่มเติมได้ที่: http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=46460
พระอุบลวรรณาเถรี
ภิกษุณี (บาลี: ภิกฺขุณี; สันสกฤต: ภิกฺษุณี) เป็นคำใช้เรียกนักพรตหญิงในศาสนาพุทธ คู่กับภิกษุที่หมายถึงนักพรตชายในพระพุทธศาสนา คำว่า ภิกษุณี เป็นศัพท์ที่มีเฉพาะในพระพุทธศาสนา โดยเป็นศัพท์บัญญัติที่ใช้เรียกนักบวชหญิงในพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะ ไม่ใช้เรียกนักบวชในศาสนาอื่น
ภิกษุณี หรือ ภิกษุณีสงฆ์ จัดตั้งขึ้นโดยพระบรมพุทธานุญาต ภิกษุณีรูปแรกในพระพุทธศาสนาคือพระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี โดยวิธีรับคุรุธรรม 8 ประการ ในคัมภีร์เถรวาทระบุว่าต่อมาในภายหลังพระพุทธเจ้าได้ทรงอนุญาตวิธีการอุปสมบทภิกษุณีให้มีศีลของพระภิกษุณีมี 311 ข้อ
เนื่องจากในสมัยพุทธกาลไม่เคยมีศาสนาใดอนุญาตให้ผู้หญิงเข้ามาเป็นนักบวชมาก่อน และการตั้งภิกษุณีสงฆ์ควบคู่กับภิกษุสงฆ์ อาจเกิดข้อครหาที่จะเป็นอันตรายร้ายแรง ต่อการประพฤติพรหมจรรย์และพระพุทธศาสนาได้ หากได้บุคคลที่ไม่มีความมั่นคงในพระพุทธศาสนาเข้ามาเป็นนักบวช
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ไม่ปรากฏว่ามีการตั้งวงศ์ภิกษุณีเถรวาทขึ้นในประเทศไทย อย่างไรก็ตามในประเทศพุทธเถรวาทที่เคยมี2หรือไม่เคยมีวงศ์ภิกษุณีสงฆ์ในปัจจุบัน3 ต่างก็นับถือกันโดยพฤตินัยว่าการที่อุบาสิกาที่มีศรัทธาโกนศีรษะนุ่งขาวห่มขาว ถือปฏิบัติศีล 8 (อุโบสถศีล) ซึ่งเรียกโดยทั่วไปว่า แม่ชี เป็นการผ่อนผันผู้หญิงที่ศรัทธาจะออกบวชเป็นภิกษุณีเถรวาท โดยส่วนใหญ่แม่ชีเหล่านี้จะอยู่ในวัดซึ่งแยกเป็นเอกเทศจากกุฎิสงฆ์
ภิกษุณีสายเถรวาทซึ่งสืบวงศ์มาแต่สมัยพุทธกาลด้วยการบวชถูกต้องตามพระวินัยปิฎกเถรวาท ที่ต้องบวชในสงฆ์สองฝ่ายคือทั้งภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์ ได้ขาดสูญวงศ์ (ไม่มีผู้สืบต่อ) มานานแล้ว คงเหลือแต่ภิกษุณีฝ่ายมหายาน (อาจริยวาท) ที่ยังสืบทอดการบวชภิกษุณีแบบมหายาน (บวชในสงฆ์ฝ่ายเดียว) มาจนปัจจุบัน ซึ่งจะพบได้ในประเทศจีน, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และศรีลังกา1
แม้ปัจจุบันมีการพยายามรื้อฟื้นการบวชภิกษุณีในฝ่ายเถรวาท โดยทำการบวชมาจากภิกษุณีมหายาน และกล่าวว่าภิกษุณีฝ่ายมหายานนั้น สืบวงศ์ภิกษุณีสงฆ์มาแต่ฝ่ายเถรวาทเช่นกัน[2] แต่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายมหายานมีการบวชภิกษุณีสืบวงศ์มาโดยมิได้กระทำถูกตามพระวินัยปิฎกเถรวาท ทำให้มีการไม่ยอมรับภิกษุณี (เถรวาท) ใหม่ ที่บวชมาแต่มหายาน
อ้างอิงจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/ภิกษุณี