ใกล้เข้าพรรษา เตรียมไปวัดถวายผ้าอาบน้ำฝนกัน
ประเพณีถวายผ้าอาบน้ำฝน เป็นประเพณีมาตั้งแต่โบราณกาล http://winne.ws/n4784
ในครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ได้ตรัสให้พระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายแสวงหาผ้าอาบน้ำฝน ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 7 ไปจนถึงเดือน 8 ขึ้น 15 ค่ำ และทรงอนุญาตนุ่งหุ่มได้ตั้งแต่ แรม 1 ค่ำเดือน 8 ไป และห้ามมิให้พระภิกษุสงฆ์แสวงหาผ้านุ่งห่มเลยไปจากทรงอนุญาตไว้
เมื่อทรงกำหนดไว้ดังนี้แล้วครั้งถึงเวลาบรรดาพุทธศาสนิกชน จึงชวนกันบริจาคทรัพย์ของตน และจัดหาผ้าอาบน้ำฝนนำไปถวายพระภิกษุสงฆ์ที่วัด ทั้งนี้เพื่อมิให้พระภิกษุสงฆ์ต้องกังวลในเรื่องการแสวงหา จะได้ตั้งหน้าประพฤติสมณธรรมโดย มิต้องกังวลจึงเป็นอานิสงส์อย่างหนึ่งที่ควรจะประกอบ เพื่อจรรโลงศาสนาให้รุ่งเรืองถาวรสืบไป
ผ้าอาบน้ำฝน เป็นอุปกรณ์สำคัญในการดำรงชีพของสมณะทั้งหลาย ดังนั้น ผู้ที่นำไปถวายจึงได้ชื่อว่าได้เกื้อกูลพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง
มีประวัติความเป็นมาดังนี้
เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะประทับอยู่ที่พระเชตวนารามที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวายในนครสาวัตถี
กาลครั้งนั้น นางวิสาขามหาอุบาสิกา อัครสาวิกาได้ไปเฝ้าสมเด็จพระบรมศาสดาถวายอภิวาทแล้วนั่งในที่อันสมควรข้างหนึ่ง สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแสดงพระธรรมเทศนาให้นางวิสาขาฟังพอสมควรแล้ว นางวิสาขาได้กราบทูลพระพุทธเจ้า พร้อมพระภิกษุสงฆ์ให้เข้าไปรับบิณฑบาตที่บ้านของนางในวันรุ่งขึ้นเช้า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์
ครั้นแล้วนางวิสาขา จึงลุกจากที่นั่งถวายบังคมกลับออกไป
เมื่อราตรีล่วงไปแล้ว พอรุ่งขึ้นก็เกิดฝนตกหนัก สมเด็จพระบรมศาสดาจึงทรงตรัสว่า
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฝนที่ได้ตกในพระเชตวันวิหารนี้เช่นใด ก็ได้ตกตลอดไปจนทั่วถึงในทวีปใหญ่ทั้ง 4 เช่นนั้นเหมือนกัน พวกเธอจงเปลือยกายอาบน้ำเถิดเพราะมี เม็ดใหญ่ จะยังฝนให้ตกตลอดทั่วถึงทวีปใหญ่ๆ ทั้ง 4 เช่นนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว”
พระภิกษุทั้งหลาย ได้รับอนุญาตจากพระพุทธองค์เช่นนี้แล้ว ก็ได้พากันเปลื้องผ้าจีวร และสบงออกแล้วอาบน้ำฝนในบริเวณพระเชตวนารามนั่นเอง
เมื่อนางวิสาขามหาอุบาสิกา ได้ตกแต่งโภชนียาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงใช้ให้นางทาสีไปกราบทูลนิมนต์พระพุทธองค์กับพระภิกษุสงฆ์ว่า ถึงเวลาภัตตาหารแล้ว เมื่อนางทาสีได้ไปถึงบริเวณพระเชตวนารามวิหาร ได้เห็นพระภิกษุสงฆ์พากัน เปลือยกายอาบน้ำฝนกันอยู่ นางทาสีมีความสำคัญว่าไม่ใช่พระภิกษุสงฆ์ เพราะเคยเห็นแต่พวกอาชีวกนิครนถ์เท่านั้นที่ได้เปลือยกาย นางจึงกลับมาแจ้งแก่นางวิสาขามหาอุบาสิกา
นางวิสาขาจึงคิดว่า ชะรอยพระภิกษุทั้งหลายคงจะเปลือยกายอาบน้ำฝนเป็นแน่ จึงให้นางทาสีกลับไปนิมนต์อีก
เมื่อนางทาสีไปถึงก็เป็นเวลาที่พระภิกษุสงฆ์อาบน้ำกลับที่อยู่ของตนแล้ว นางทาสีไม่เห็นพระภิกษุที่พระอารามเห็นแต่พระอารามว่างเปล่าจึงกลับมาบอก นางวิสาขาอีก นางวิสาขาจึงคิดว่าชะรอยพระภิกษุจะอาบน้ำเสร็จเเล้ว จึงแยกย้ายไป สู่ที่อยู่ของตน นางจึงให้นางทาสีไปอีกวาระหนึ่ง
ครั้งนั้นสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเตือนพระภิกษุทั้งหลายว่า พวกเธอจงพากันตระเตรียมบาตรจีวรไว้ให้พร้อม เวลานี้เป็นเวลาภัตตาหารแล้ว สมเด็จพระผู้มีพระภาคจึงทรงห่มพระสุคตจีวร ทรงถือเอาบาตรและพุทธบริขารมีพระภิกษุสงฆ์แวดล้อมเป็นบริวาร เสด็จโดยพุทธานุภาพถึงประตูบ้านนางวิสาขามหาอุบาสิกาในเวลาชั่วพริบตาเดียว โดยพระบาทมิได้เปียกน้ำซึ่งกำลังนองอยู่โดยทั่วไป
เมื่อเสด็จไปถึงแล้ว ก็ประทับบนพุทธอาสน์พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย นางวิสาขาจึงคิดในใจว่า
“ โอ้หนอ พระพุทธานุภาพของพระพุทธเจ้านี้ช่างเป็นที่อัศจรรย์จริง เมื่อห้วงน้ำท่วมพื้นแผ่นดิน เพียงเข่าบ้างเพียงสะเอวบ้าง เท้าหรือจีวรของพระภิกษุสงฆ์ มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้แต่สักรูปหนึ่งก็มิได้เปียกเลย
เมื่อนางวิสาขาได้เห็นพุทธานุภาพเช่นนั้น ก็มีความปลาบปลื้มเป็นที่ยิ่ง จึงถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์จนอิ่มแล้ว นางวิสาขาจึงทูลขอพร 8 ประการ ต่อสมเด็จพระพุทธองค์เจ้า ซึ่ง 2 ข้อ ในนั้นคือ ได้ถวายผ้าอาบน้ำฝน แก่ภิกษุและภิกษุณีจนตลอดชีวิต