ความ จริงแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา การปฏิบัติตนของพระ ข่าวสาร และการทำลายความศรัทธานั้น มีความลึกลับซับซ้อน และบางทีเบื้องหลังอาจจะมีเรื่องที่เกี่ยวพันด้วยหลายเรื่อง(บางเรื่องก็พูด ไม่ได้ทั้งที่อยากจะพูด)
สิ่ง แรกที่อยากจะให้พิจารณาก็คือ ศาสนาพุทธเสื่อมลงหรือไม่ หรือเสื่อมลงแค่ไหน ในปัจจุบันเราจะได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องที่พระทำตัวไม่เหมาะสม มากมาย จนทำให้เราคิดว่า บางทีศาสนาอาจจะเสื่อมลงไปแล้ว(และคนส่วนใหญ่ก็คิดแบบนี้) ซึ่งทำให้ศรัทธาของชาวพุทธที่มีต่อพุทธศาสนาและมีต่อพระ ลดน้อยลงเป็นอย่างมาก
คำถาม ที่น่าสนใจก็คือ พระในยุคพุทธกาล(ตอนที่พระพุทธเจ้ายังมีชีวิตอยู่) ได้ประพฤติตัวอย่างเหมาะสมเคร่งครัดมากกว่ายุคเราหรือไม่ อีกคำถามก็คือพระในยุคพุทธกาลทำตัวไม่เหมาะสมแทบไม่มีเลยใช่หรือไม่
คำตอบนั้นน่าสนใจมากก็คือ พระในยุคพุทธกาล ก็มีจำนวนมากที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ส่วนจะมีจำนวนมากแค่ไหนนั้น ก็ลองคิดง่ายๆว่า พระวินัยที่หนาถึง 8 เล่ม(หลาย พันหน้า) ส่วนใหญ่เกิดจากการที่มีพระประพฤติตัวไม่เหมาะสม แล้วพระพุทธเจ้าจึงตั้งพระวินัยขึ้น และในพระวินัยก็จะมีเนื้อหาที่วินิจฉัยว่าพระที่ทำแต่ละกรณีผิดหรือไม่ อย่างไร ก็ลองคิดดูว่าเนื้อหาที่มากขนาดนั้น จะมีพระที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมมากแค่ไหน(นี่แค่ที่บันทึก แล้วที่ไม่ได้บันทึกอีกหล่ะครับ)
รวม ถึงในตอนที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ในวันนั้นเองมีพระบางคนได้พูดว่า ดีแล้วที่ปรินิพพาน เพราะจะได้ไม่มีใครมาตั้งกฎเกณฑ์ห้ามนั่นห้ามนี่
อ้อแล้วเราคงไม่ลืมพระเทวทัตและสมุนนะครับว่าประพฤติตัวอย่างไร ?
คนขี้สงสัย
คำถามก็คือ แล้วทำไมชาวพุทธในยุคนั้น ถึงมีความเชื่อมั่นและศรัทธาที่สูงมาก คำตอบน่าจะเป็นเพราะว่า(อันนี้คาดเดา) เพราะ ชาวพุทธยึดมั่นและศรัทธาในพระพุทธเจ้าและพระที่ปฏิบัติตนอย่างถูกต้องและ เหมาะสม โดยไม่ได้เหมารวมว่า มีพระที่ปฏิบัติตนไม่ดีแปลว่าพุทธศาสนาไม่ดี
นั่นคือแยกระหว่างความชั่วที่มาจากคนบาปที่นุ่งห่มผ้าเหลือง กับสิ่งดีๆในพุทธศาสนาออกจากกันอย่างเด็ดขาด ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้คนในยุคพุทธกาลมีความเชื่อมั่นและศรัทธาที่สูงมาก
เรื่อง นี้จึงโยงมาสู่อีกคำถามที่ยังไม่ได้ตอบนั่นคือ ความจริงแล้วพระที่ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดในยุคพุทธกาล กับพระที่ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดในยุคนี้ ประพฤติตัวอย่างเคร่งครัดเหมาะสมเท่ากัน เพราะใช้ชีวิตอยู่ภายใต้พระวินัยเดียวกัน
ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงมีพระที่เป็นแบบนี้เหลืออยู่จำนวนไม่น้อย(เพียงแต่เรื่องดีๆ พระดีๆ ไม่ค่อยเป็นข่าว) และเชื่อว่า(เป็นความเชื่อ)พระจำนวนไม่น้อยที่ปฏิบัติตนและสั่งสอนตามคำสั่งสอนที่สืบทอดมาเกือบ 2600 ปี ท่านก็ได้รับสิ่งดีๆตามระดับบุญบารมีที่ท่านสั่งสมมาจนถึงปัจจุบัน และพระเหล่านี้แหละครับเป็นสิ่งพิสูจน์ว่า ความจริงแล้วสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า คำสั่งสอน(พระธรรม) และพระที่ปฏิบัติดี(พระสงฆ์) ที่เรียกรวมกันว่าพระรัตนตรัย ยังไม่ได้เสื่อมไปเลยแม้แต่นิดเดียว
หาก จะมีเสื่อมไปก็คงเป็นความเชื่อมั่นและศรัทธาของชาวพุทธ ที่มองเห็นและได้ยินแต่ข่าวแย่ๆเกี่ยวกับพระและวัด โดยไม่เคยแสวงหาและตระหนักเลยว่าพระที่ดีที่น่านับถือยังมีอยู่อีกมาก และเขาเหล่านี้แยกไม่ออกว่า ความชั่วที่มาจากคนบาปที่นุ่งห่มผ้าเหลือง กับสิ่งดีๆในพุทธศาสนาเป็นคนละส่วนกัน สรุปว่าศรัทธาเสื่อมเพราะไปยึดเอาคนเสื่อมๆเป็นที่ตั้ง แล้วเหมารวมว่าพุทธศาสนาต้องเป็นแบบนี้ทั้งหมด
อย่างไร ก็ตาม อาจจะมีบางคนที่ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจ เกี่ยวกับข่าวสารด้านร้ายๆของพระในพุทธศาสนา ใช้สติค่อยๆอ่าน แล้วคิดตาม แล้วคิดให้ลึกกว่าตัวหนังสือที่ได้อ่าน แล้วอาจจะเข้าใจอะไรมากขึ้น
ในยุคพุทธกาล ก็มีคนพยายามใส่ร้ายป้ายสีอัครสาวกทั้งสอง(พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ)ว่าประพฤติตัวไม่เหมาะสม แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง ก็มีคนจากลัทธิความเชื่ออื่นๆ พยายามใส่ร้ายหลายครั้ง ครั้ง ที่เป็นที่รู้จักก็จะมีนางจินจมานวิกาที่แกล้งใส่ร้ายว่าท้อง(แต่สุดท้ายก็ ความแตกแล้วถูกแผ่นดินสูบ) อีกครั้งก็จะเป็นการฆ่าผู้หญิงแล้วเอาศพไปฝังในวัด
แม้แต่หลวงพ่อจรัญ ท่านก็เคยโดนเรื่องคล้ายๆแบบนี้เช่นกัน และหากเราไปอ่านประวัติพระหลายๆรูปก็จะพบเห็นเรื่องราวไม่แตกต่างจากนี้
ไม่ได้หมายความว่า พระที่ปฏิบัติไม่เหมาะสมที่เป็นข่าวจะถูกใส่ร้ายทั้งหมด แต่หมายความว่าอยากให้พิจารณาว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่ไม่ใช่ทั้งหมดที่ทำผิดจริงๆ
สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตก็คือ ในวันมาฆบูชาปีนี้ เป็นปีที่ชาวพุทธหันกลับมาสนใจพุทธศาสนามากขึ้น หันมาเข้าวัดทำบุญกันมากขึ้นมาก มากจนสังเกตได้จากข่าวสารทางทีวีว่ามีความเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับ 1-2 ปีที่ผ่านมา
แต่หลังจากวันมาฆบูชา กลับบังเอิญมีข่าวในด้านลบของพระออกมาติดต่อกันหลายวัน และออกข่าวเกือบทุกช่องด้วย ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า มันบังเอิญเกินไปหรือเปล่า
สมมุติ ว่ากลุ่มคนหนึ่งต้องการทำลายความศรัทธาของชาวพุทธ เชื่อว่าทำได้ไม่ยากหรอก เพียงแค่หาคนที่โกนผมโกนคิ้ว แล้วไปหาซื้อจีวรมานุ่งโดยไม่ต้องบวชจริง แล้วให้ทำอะไรที่ผิดวินัย
ผม ไม่ได้บอกว่าต้องมีคนทำอย่างนั้นแน่ๆ(แม้ว่าผมจะได้รับเมลที่ส่งรูปบางอย่าง มาให้) แต่ผมแค่ต้องการชี้ให้เห็นว่า หากมีใครสักคนหรือสักกลุ่มที่ต้องการทำลายพุทธศาสนาจริงๆ เขาก็คงสามารถทำได้ ด้วยการค่อยๆกัดกร่อนศรัทธาทีละเล็กทีละน้อยด้วยวิธีการดังกล่าว แม้จะใช้เวลาแต่สุดท้ายก็ต้องมีคนเสื่อมศรัทธาอย่างแน่นอน
ขอบคุณภาพจากgoogle.com