จุดจบพ่อพระเทวทัต
ผลของความโกรธเกลียด อาฆาตพยาบาท ของพระเจ้าสุปปพุทธะต่อพระพุทธเจ้า http://winne.ws/n6389
พระเจ้าสุปปพุทธะเป็นกษัตริย์โกลิยะวงศ์เป็นพระราชบิดาของพระเทวทัตเมื่อทราบว่าพระเทวทัตถูกธรณีสูบ ลงมหาอเวจีนรกก็มิสำนึกในบาปบุญคุณโทษกลับมีจิตอาฆาตพยาบาทพระพุทธองค์ เพราะนอกจากจะทำให้พระเทวทัตต้องธรณีสูบพระพุทธองค์ยังทำให้เจ้าหญิงยโสธราธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะเป็นหม้ายจึงกลั่นแกล้งพระพุทธองค์ด้วยการเกณฑ์อำมาตย์ข้าราชบริพารไปนั่งเสพเมรัยขวางทางที่พระพุทธองค์จะออกบิณฑบาตโปรดเวไนยสัตว์ซึ่งทางนั้นมีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่พระพุทธองค์จะทรงเสด็จดำเนินไปได้เมื่อเสด็จดำเนินผ่านไม่ได้เพราะพระเจ้าสุปปพุทธะกับบริวารขวางอยู่วันนั้นพระพุทธองค์ทรงอดพระกระยาหาร ๑ วันพระอานนท์จึงทูลถามอยากจะทราบโทษของพระเจ้าสุปปพุทธะพระพุทธองค์จึงทรงได้มีพุทธฎีกาตรัสว่า “ อานันทะดูก่อนอานนท์หลังจากนี้ไปนับได้ ๗ วัน พระเจ้าสุปปพุทธะจะลงอเวจีตามเทวทัตไป ”
เมื่อบริวารของพระเจ้าสุปปพุทธะกลับไปถวายรายงานพระเจ้าสุปปพุทธะก็มีจิตต้องการให้พุทธฎีกาของพระพุทธองค์มิเป็นความจริงจึงขึ้นประทับ ณ ปราสาท ๗ ชั้น แต่ละชั้นมีนายทวารป้องกันแข็งขันทรงตรัสกับนายทวารที่มีร่างกายกำยำนั้นว่า “ ในระหว่าง๗ วันนี้ ถ้าฉันลงมาละก็ พวกเธอจงขัดขวางเอาไว้ไม่มีใครทำโทษ ” โดยประกาศต่ออำมาตย์ข้าราชบริพาร และพระบรมวงศานุวงศ์ไว้ดังนั้น เพื่อมิให้นายทวารทั้งหลายต้องโทษจนกระทั่งถึงวันที่ ๗ วันนั้นปรากฏว่า ม้าแก้วซึ่งเป็นม้าทรงศึกที่พระเจ้าสุปปพุทธะโปรดปราน อาละวาดกระทืบโรง ร้องเสียงดังมากพระเจ้าสุปปพุทธะเกิดเป็นห่วงม้า ด้วยอาการขาดสติจึงทรงลงจากปราสาทชั้น ๗แต่ปรากฏว่านายทวารมิได้ขัดขวาง ด้วยคิดว่าเลยครบกำหนด ๗ วันแล้วพอพระเจ้าสุปปพุทธะย่างพระบาทเหยียบแผ่นดิน ก็ถูกพระธรณีสูบหายไปสู่มหานรกอเวจีตรงตามพุทธะฎีกาที่ตรัสไว้แก่พระอานนท์
จะเห็นได้ว่าที่เป็นเช่นนี้ เเป็นผลจากการขัดขวางการบิณฑบาตรของพระพุทธเจ้า ขัดขวางการทำทานของมหาชน ทำให้มหาชนอดทำทานกับเนื้อนาบุญ ผลกรรมที่ได้รับจึงเป็นเช่นนี้ แต่หากทำในทางตรงกันข้าม โดยให้โอกาสตนเองได้ทำทาน อานิสงส์จะเป็นดังนี้
1. ให้ทานแก่สัตว์เดรัจฉาน ด้วยความเมตตาสงสารได้อานิสงส์ถึง 100 ภพ คือได้อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณอย่างละ 100 อัตภาพ
2. ให้ทานแก่ผู้ทุศีล ได้อานิสงส์ถึง 1,000 ภพ
3. ให้ทานแก่ผู้มีศีลในช่วงที่ว่างจากพระพุทธศาสนา ได้อานิสงส์ถึง 100,000 ภพ
4. ให้ทานแก่ดาบสที่ได้อภิญญาในช่วงที่ว่างจากพระพุทธศาสนา ได้อานิสงส์ถึง 1แสนโกฏิภพ (ล้านล้านภพ)
5. ให้ทานแก่ผู้ที่ปฏิบัติเพื่อเป็นพระโสดาบันผู้เป็นคฤหัสถ์หรือเป็นบรรพชิตก็ตาม จะเป็น ฌานลาภีบุคคล (ผู้ได้ฌาน)หรือไม่ใช่ฌานลาภีบุคคลก็ตาม เป็นผู้มีศีล เข้าถึงไตรสรณคมน์ได้อานิสงส์ถึงอสงไขยภพ (นับภพไม่ถ้วน)
6. ให้ทานแก่พระโสดาบันบุคคลย่อมมีอานิสงส์มากยิ่งขึ้นไปอีก
7. ให้ทานแก่ผู้ที่ปฏิบัติเพื่อเป็นพระสกทาคามีย่อมได้อานิสงส์มากยิ่งขึ้นไปอีก
8. ให้ทานแก่พระสกทาคามีบุคคลย่อมได้อานิสงส์มากยิ่งขึ้นไปอีก
9. ให้ทานแก่ผู้ที่ปฏิบัติเพื่อเป็นพระอนาคามีย่อมได้อานิสงส์มากยิ่งขึ้นไปอีก
10. ให้ทานแก่พระอนาคามีบุคคลย่อมได้อานิสงส์มากยิ่งขึ้นไปอีก
11. ให้ทานแก่ผู้ที่ปฏิบัติเพื่อเป็นพระอรหันต์ย่อมได้อานิสงส์มากยิ่งขึ้นไปอีก
12. ให้ทานแก่พระอรหันต์ ย่อมได้อานิสงส์มากยิ่งขึ้นไปอีก
13. ให้ทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าย่อมได้อานิสงส์มากยิ่งขึ้นไปอีก
14. ให้ทานแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าย่อมได้อานิสงส์มากยิ่งขึ้นไปอีก
การให้ทานในปาฏิปุคคลิกทานคือ
การให้ทานเฉพาะเจาจงตามที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง เช่น ให้ทานกับสัตว์เดรัจฉาน ให้ทานกับพระพุทธเจ้าชื่อว่าให้ทานจำเพาะเจาะจง ปาฏิปุคคลิกทาน ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าทานที่ให้จำเพาะเจาะจง ปาฏิปุคคลิกทานก็มีผลบุญไม่มากเท่า สังฆทานคือทานถวายแด่สงฆ์หมู่ใหญ่ดังนั้นการขวางงานตักบาตรจึงเป็นเรื่องที่ไม่คุ้ม
อ้างอิงเน้อหา http://buddha.dmc.tv/%E0%B8%98%E0%B8%A3%E…/mongkol04-10.html