ทำบุญให้ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ท่านจะได้รับบุญทันทีก็ต่อเมื่ิอ…
แต่ถ้าไม่รู้ว่าเขาแผ่ส่วนบุญให้ ก็ไม่สามารถที่จะรับส่วนบุญนั้นได้เหมือนกัน ทั้งนี้เพราะว่า ถ้าไม่รู้แล้วก็ไม่สามารถจะอนุโมทนา ว่า สาธุ สาธุ เมื่อไม่สามารถจะอนุโมทนาว่าสาธุ ก็เป็นอันว่าไม่ได้รับส่วนบุญที่ญาติอุทิศมาให้ http://winne.ws/n7410
สวรรค์เทวภูมิ
นรก อบายภูมิ
เปรตที่รับส่วนบุญได้และไม่ได้
เป็นที่ทราบดีว่า ท่านที่เกิดในเทวภูมิคือภพเทวดานั้นมีสิทธิ์ได้รับส่วนบุญที่หมู่ญาติอุทิศให้ได้เลยถ้ารู้เรื่องของบุญ
นอกจากเทวดาก็ยังมีสัตว์นรกขุมยมโลก
และภพภูมิเปรตบางจำพวกที่สามารถรับบุญจากญาติที่อุทิศให้ได้ มาดูเปรตที่สามารถรรับบุญได้ว่าเป็นจำพวกไหนบ้างค่ะ
ในหัวข้อต่อจากนี้ไป ท่านจะได้ทราบถึงเปรตบางชนิดที่สามารถรับส่วนกุศลได้ ในบรรดาเปรตทั้งหลายที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งสิ้น มี 12 จำพวกบ้าง 4 จำพวกบ้าง 21 จำพวกบ้าง ในจำนวนเปรตทั้งหมดนี้ เปรตที่มีโอกาสจะได้รับส่วนบุญจากญาติอุทิศให้ คือ เปรตจำพวกปรทัตตูปชีวิกเปรต และเป็นเปรตจำพวกเดียวที่รับส่วนบุญได้เท่านั้น
ส่วนเปรตอื่นๆ นอกจากนี้ ไม่สามารถจะรับส่วนบุญที่ญาติอุทิศไปให้ได้ เพราะเหตุว่าเปรตเหล่านี้อยู่ห่างไกลจากหมู่มนุษย์ แต่สำหรับปรทัตตูปชีวิกเปรตนั้น เป็นเปรตที่เกิดอยู่ในบริเวณบ้าน เช่น บุคคลบางคนถูกฆ่าตายโดยปัจจุบัน หรือผู้ที่ตายตามธรรมดาก็ตาม แต่มีความห่วงใยอาลัย ก็เกิดเป็นเปรตอยู่ในบริเวณบ้านนั้นเอง และปรากฏตนให้บรรดาญาติหรือบุคคลอื่นๆ เห็นได้ ตามที่ชาวบ้านนิยมพูดกันว่า ผีหรือเปรตเหล่านี้ ได้แก่ ปรทัตตูปชีวิกเปรต ถึงแม้ว่าปรทัตตูปชีวิกเปรตจะเป็นเปรตที่เกิดอยู่ในบริเวณบ้านทั้งหลายได้ แต่ถ้าไม่รู้ว่าเขาแผ่ส่วนบุญให้ ก็ไม่สามารถที่จะรับส่วนบุญนั้นได้เหมือนกัน ทั้งนี้เพราะว่า ถ้าไม่รู้แล้วก็ไม่สามารถจะอนุโมทนา ว่า สาธุ สาธุ เมื่อไม่สามารถจะอนุโมทนาว่าสาธุ ก็เป็นอันว่าไม่ได้รับส่วนบุญที่ญาติอุทิศมาให้ เพราะเป็นธรรมดาของเปรตทั้งหลายที่จะต้องเป็นเช่นนั้น
เปรตกินมูถ ด้วยกรรมที่ถ่มน้ำลายลงบนพื้นวัดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ฉะนั้นปรทัตตูปชีวิกเปรตจำพวกนี้ ก็ไม่เป็นการแน่นอนว่าจะได้รับส่วนบุญจากญาติที่อุทิศให้เสมอไป ในเรื่องของการอุทิศส่วนบุญให้เปรตนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ติโรกุฑฑสูตร ว่าด้วยการ ให้ส่วนบุญแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่พระเจ้าพิมพิสาร เป็นคาถาว่า
เปรตกินมูถ
เปรตกินน้ำมูถ ด้วยผลกรรมที่ถ่มน้ำลายลงบริเวณพื้นวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
“ ฝูงเปรตพากันมายังเรือนของตน ยืนอยู่ที่นอกฝาเรือนบ้าง ยืนอยู่ที่ทาง 4 แพร่ง 3 แพร่งบ้าง ยืนอยู่ใกล้บานประตูบ้าง เมื่อข้าวน้ำ ของเคี้ยว ของกิน เขาวางไว้เป็นอันมาก ญาติไรๆ ของเปรตเหล่านั้น ก็ระลึกไม่ได้ เพราะกรรมของสัตว์ทั้งหลายเป็นปัจจัย ชนเหล่าใดเป็นผู้เอ็นดู ชนเหล่านั้นย่อมให้น้ำ ข้าว อันสะอาด ประณีต อันสมควร ตามกาล อุทิศเพื่อญาติทั้งหลายอย่างนี้ว่า ขอทานนี้แล จงมีแก่ญาติทั้งหลาย ขอญาติทั้งหลาย จงมีสุขเถิด”
“ ส่วนฝูงเปรตที่เป็นญาติเหล่านั้น มาแล้ว พร้อมแล้ว ก็ชุมนุมกันในที่ให้ทานนั้น ย่อมอนุโมทนาโดยเคารพ ในข้าวน้ำเป็นอันมากว่า เราได้สมบัติเพราะเหตุแห่งญาติเหล่าใด ขอญาติเหล่านั้นของเรา จงมีชีวิตยั่งยืน ทั้งการบูชาญาติผู้เป็นทายกก็ได้กระทำแก่พวกเราแล้ว ”
“ อนึ่ง ทายกทั้งหลาย ย่อมไม่ไร้ผล ก็ในปิตติวิสัยนั้น ไม่มีกสิกรรมการทำไร่ การทำนา ไม่มีโครักขกรรม การเลี้ยงโค ในปิตติวิสัยนั้น การค้าเช่นนั้น การซื้อขายด้วยเงิน ก็ไม่มี ผู้ทำกาลกิริยาละไปแล้ว ย่อมยังอัตภาพให้เป็นไปในปิตติวิสัยนั้น ด้วยทานที่ญาติให้แล้วจากมนุษย์โลกนี้”
จากพระคาถานี้ จะเห็นว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของเปรตทุกข์ทรมาน ต้องอดอยากหิวโหย รอคอยแต่การอุทิศผลแห่งบุญไปให้เท่านั้น หากญาติพี่น้องไม่มีความเชื่อเรื่องการให้ทานและการอุทิศบุญแล้ว ความอดอยากย่อมครอบงำเปรตนั้นให้ได้ทุกข์ทรมานยาวนานทีเดียว
เปรตกินซากสุนัข ผลกรรมจากการนำเนื้ิอสุนัขใส่บาตรพระ เพราะไม่พอใจที่ท่านมาบิณฑบาตหน้าบ้าน
บรรดาสัตว์ทั้งหลายที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ต่างก็ไปเกิดอยู่ในนรกบ้าง เป็นเดียรัจฉานบ้าง เป็นเปรตที่อยู่ห่างไกลจากมนุษย์บ้าง ส่วนญาติทั้งหลายที่อยู่ภายหลัง แม้จะชวนกันทำบุญอุทิศให้แก่บุคคลเหล่านี้อยู่เสมอๆ ก็ตาม ก็ไม่สำเร็จประโยชน์อันใดแก่บุคคลที่ได้ไปถือกำเนิดดังกล่าว คงเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่อุทิศให้เท่านั้น เช่น ญาติคนหนึ่งของเราถึงแก่ความตาย และเกิดเป็นสุนัขอยู่ในบ้าน ถึงแม้ว่าเราจะทำบุญแล้วอุทิศให้ก็จริง แต่บุญนั้นก็ไม่สำเร็จประโยชน์อะไรให้แก่สุนัขนั้นได้
เปรตกินซากสุนัข
เปรตกินซากสุนัข ด้วยผลกรรมจากการนำเนื้อสุนัขไปใส่บาตรพระ
ด้วยความไม่พอใจที่มีพระมาบิณฑบาตหน้าบ้านตน
ส่วนผู้ที่ทำบุญอุทิศให้แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ถึงแม้ญาติที่ล่วงลับนั้นจะไม่ได้รับส่วนบุญที่อุทิศไปให้ บุญที่ผู้กระทำได้อุทิศไปให้นั้นไม่สูญหายไปไหน คงเป็นบุญติดตัวอยู่แก่ผู้กระทำเสมอ ทั้งในชาตินี้ ชาติหน้า และชาติต่อๆ ไป ฉะนั้น เมื่อเวลาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตายไปแล้ว ผู้ทำบุญควรเว้นจากการสนุกสนานเอิกเกริกเฮฮา เช่น มีการเลี้ยงเหล้ากันในขณะนั้น หรือมีมหรสพคือการละเล่นต่างๆ จะเป็นที่บ้านหรือที่วัดก็ตาม ผู้ทำบุญควรสมาทานศีลเสียก่อนเพื่อให้ใจสงบ และต้องเจริญมรณานุสติด้วย เพื่อให้กุศลจิตเกิดขึ้น การทำบุญตามที่กล่าวมานี้ผู้ทำก็ได้อานิสงส์มาก คือ ได้บุญเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ และผู้ที่ตายไปแล้ว ถ้าอยู่ในภูมิที่รับบุญได้ เมื่ออนุโมทนาบุญ ก็ได้รับส่วนบุญนั้น ถ้าหากผู้ทำบุญไม่ได้ทำตามที่ได้กล่าวมาแล้ว มัวแต่มีการสนุกสนานต่างๆ จิตใจในขณะนั้นจะไม่สงบ บุญกุศลก็เกิดน้อย
ฉะนั้นการทำบุญที่เจือด้วยความสนุกสนานเช่นนั้น ผู้ทำบุญย่อมได้อานิสงส์ของการกระทำนั้นเล็กน้อย ได้บุญไม่เต็มที่ ฝ่ายผู้ที่ได้รับส่วนบุญที่ญาติแผ่ไปให้ก็คงได้รับไม่เต็มที่เช่นเดียวกัน
ขอบคุณภาพและเนื้อหา วีดีโอจาก