โลกและจักรวาลเกิดขึ้นได้อย่างไร ? มนุษย์คนแรกคือใคร ? โลกจะแตกเมื่อไร เพราะอะไร?

พระพุทธเจ้าตรัสคำว่า “โลกธาตุ“ กับคำว่า “จักรวาล“ มีความหมายต่างกัน :โทสะ ความโกรธ ทำให้เกิด "ไฟ" ทำลายโลกและจักรวาล โลภะทำให้เกิด "น้ำ" ทำลายโลกและจักรวาล โมหะ ความหลง ทำให้เกิด "ลม" ทำลายโลกและจักรวาล http://winne.ws/n7980

7.0 พัน ผู้เข้าชม
โลกและจักรวาลเกิดขึ้นได้อย่างไร ?  มนุษย์คนแรกคือใคร ? โลกจะแตกเมื่อไร เพราะอะไร?ขอบคุณภาพจาก jacod.wordpress.com

        พระพุทธเจ้าแสดงถึงการแตกดับของโลก เพื่อต้องการให้มนุษย์เบื่อหน่ายในโลกนี้ เบื่อหน่ายต่อการเกิดในสังสารวัฏ ต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น และต้องกลับมาเผชิญกับทุกข์นานัปการการเข้าสู่พระนิพพาน หยุดการเวียนว่ายตายเกิดได้

        เนื้อหาตอนแรก พระพุทธเจ้าได้ตรัสแสดงถึง กำเนิดของโลกและจักรวาล แต่มิใช่กล่าวถึงจุดกำเนิดของโลกและจักรวาล เพียงกล่าวไว้ว่า 

        เมื่อโลกได้เสื่อมไป และได้เจริญขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่งก็มีสัตว์ชั้นอาภัสสรพรหมมาเกิด ซึ่อก็เป็นมนุษย์จากโลกเก่าที่เสื่อมไปในอดีตนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามเราก็ได้ทรรศนะเกี่ยวกับความเป็นมาของโลกตามธรรมชาติของพระสูตรนี้ได้บ้าง 

        พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในสมัยปฐมกาล โลกและจักรวาลทั้งสิ้นเต็มไปด้วยน้ำ มืดมนมองไม่เห็นอะไร ยังไม่มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวต่าง ๆ ตลอดจนกลางวัน กลางคืน ฤดู วัน เดือน ปี ก็ยังไม่เกิดขึ้น เพศหญิงเพศชายยังไม่ปรากฎ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายเรียกว่าสัตร์ทั้งสิ้น พระพุทธองค์ไม่ได้ตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า กำเนิดแรกของโลกและจักรวาลมาจากไหน แต่ตรัสถึงการเกิด การสลายตัวของโลกมีการรวมตัวกัน มีการสลายตัววนเวียนกลับไป สมัยเมื่อโลกหมุนเวียนกลับไปสู่ความพินาศ สัตรทั้งหลายไปเกิดในชั้นอาภัสสรพรหมกันโดยมาก เมื่อโลกหมุนกลับ หมายถึง การเกิดใหม่ภายหลังความพินาศคือกลับมาสู่ความเจริญ สัตว์เหล่านั้นก็มาจุติในโลกนี้ 

        คัมภีร์ อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต.20/520/216. ” จากการค้นคว้าได้พบว่า พระพุทธองค์ทรงตรัสกับอานนท์ว่า นี้เรียกโลกธาตุอย่างเล็กพันจักรวาล โลกคูณด้วยส่วนพันแห่ง โลกธาตุอย่างเล็กซึ่งมีพันจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างกลางมีล้านจักรวาล โลกคูณด้วยส่วนพันแห่งโลกธาตุอย่างกลางมีล้านจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างใหญ่มีประมาณแสนโกฏิจักรวาล “ 

        “จักรวาลหนึ่งมีกำหนดเท่ากับที่ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์โคจร ทั่วทิศสว่างไสวรุ่งโรจน์ ในโลกมีพันจักรวาลนั้นมีดวงจันทร์พันดวง มีดวงอาทิตย์พันดวง มีขุนเขาสุเนรุพันหนึ่ง มีชมพูทวีปพันหนึ่ง มีอปรโคยานทวีปพันหนึ่ง มีอุตตรกุรุทวีปพันหนึ่ง มีปุพพวิเทหทวีปพันหนึ่ง มีมหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาราชสี่พัน มีเทวโลกจาตุมหาราชิกาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดาวดึงส์พันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นยามาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดุสิตพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นนิมมานรดีพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัสดีพันหนึ่ง มีพรหมโลกพันหนึ่ง “

จึงเห็นได้ว่า พระพุทธองค์ตรัสว่าแสนโกฏิจักรวาลนั้นมีมากมายในพระสุตตันตปิฎกอังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ที่กล่าวไว้ข้างต้นมีข้อที่หน้าศึกษา ดังนี้ 

        1. ในทรรศนะของพระพุทธเจ้า คำว่า “โลกธาตุ“ กับคำว่า “จักรวาล“ มีความหมายต่างกันโดยที่โลกมีความหมายกว้างขวางกว่า พระองค์ตรัสว่า โลกธาตุหนึ่งนั้นประกอบด้วยจักรวาลหลายจักรวาลรวมกันอย่างน้อยที่สุดพันจักรวาล 

        2. จักรวาลหนึ่งนั้น พระพุทธเจ้าทรงกำหนดเอาการโคจรของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นเกณฑ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ในจักรวาลอื่นนั้นก็มีดวงจันทร์และดวงอาทิตย์เหมือนกัน ซึ่งเหตุผลในข้อนี้ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันให้ความสนใจเป็นอย่างมากและให้ความยอมรับ จึงสันนิษฐานต่อไปว่า สุริยจักรวาลไม่น่าจะมีแต่จักรวาลของเราเท่านั้น โดยใชัหลักการทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์จึงพบ ระบบสุริยจักรวาลอื่น ๆ อีกเป็นต้น. 

        เนื้อความในคำภีร์ยังกล่าวว่า โลกทั้งหมดไม่ไช่สิ่งที่ตั้งอยู่ถาวร แต่มีการเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลง และแตกสลายไปในที่สุด แล้วก็มีการตั้งขึ่นใหม่อีก ส่วนอายุของโลกนั้นใช้ระยะเวลายาวนานมาก โดยกำหนดอายุเป็นกัปป์

อ้างอิง: http://www.baanjomyut.com/library_3/extension-1/the_theory_of_evolution_by_buddhism/13.html

การแตกทำลายของโลกและจักรวาล

เหตุแห่งการทำลายของโลกและจักรวาล ไม่มีสิ่งใด เที่ยงแท้แน่นอน โดยการทำลายจาก 3 สิ่ง คือ ไฟ น้ำ ลม เกิดจากแรงกรรมของมนุษย์นั่นเอง

โทสะ ความโกรธ ทำให้เกิด "ไฟ" ทำลายโลกและจักรวาล  โลภะทำให้เกิด "น้ำ" ทำลายโลกและจักรวาล  โมหะ ความหลง ทำให้เกิด "ลม" ทำลายโลกและจักรวาล

การทำลายด้วยไฟ ครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 14 ภพภูมิ 

        ทำลายถึงพรหม ชั้นมหาพรหมมา จะเริ่มจาก ฝนไม่ตกเป็นระยะเวลายาวนาน ต่อมา จะมีดวงอาทิตย์เพิ่มอีก 1 ดวง มีความร้อนแรงมากเพราะเกิดจากแรงกรรมของมนุษย์  ดวงอาทิตย์ดวงที่ 3 เกิดขึ้น ดวงที่ 4 ดวงที่ 5 เกิดขึ้น จนน้ำในมหาสมุทรของจักรวาลแห้งสนิท ดวงอาทิตย์ดวงที่ 6 เกิดขึ้น อานุภาพแห่งความร้อน ไม่มีน้ำหลงเหลืออยู่เลย ดวงอาทิตย์ที่ 7 ก็เกิดขึ้นความร้อนมาก เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แม้เขาพระสุเมรุก็ถอนออก โลกมืดมิด ยาวนาน

โลกและจักรวาลถูกทำลายด้วยน้ำครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 17 ภพภูมิ 

        เริ่มต้นจากมีเมฆ มีฝนกลดตกลงมา กัดกร่อนสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น ฝนตกต่อเนื่องไม่ขาดสาย น้ำท่วมโลกจนทุกจักรวาลแสนโกฏิจักรวาล ถึงชั้นอาภัสราพรหม น้ำกลดนี้กัดทำลายไม่มีอะไรเหลือ น้ำแห้งเอง

โลกและจักรวาลถูกทำลายด้วยลม ครอบคลุมพื้นที่ กว้างถึง 20 ภพภูมิ สูงสุด ถึงพรหมสุภกิณหา 

       เริ่มจากลมพัดอ่อน ๆ จนพัดแรงขึ้นตามลำดับ พัดสิ่งใหญ่ ๆ ให้ปลิวขึ้น ต่อมาก็เกิดลมใต้แผ่นดิน ลมพัดพลิกโลกให้หงายขึ้น และพัดปลิวไปในอากาศ เขาพระสุเมรุถูกพัดแตกละเอียดเป็นผุยผง โลกก็อยู่ในความว่างเวิ้งว้างไปอีกยาวนาน

ฟังและชมรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=RFtFoCmmlXQ

กำเนิดโลกจักรวาลและมนุษย์ คนแรก สัตว์ชนิดแรกของโลก

โลกกำเนิดมาได้อย่างไร ? มนุษย์คนแรกคือใคร ?

โลกและจักรวาลเกิดขึ้นและถูกทำลายและเกิดขึ้นใหม่ นับครั้งไม่ถ้วน มนุษย์เกิดขึ้นจากพรหมที่หมดบุญ เกิดแบบโอปปาฏิกะ ไม่ต้องมีพ่อมีแม่ เกิดก็โตทันที มนุษย์ช่วงแรกเหาะได้ แต่พอกินง้วนดินเป็นของหยาบ ทำให้กายหยาบ และเหาะไม่ได้ ต่อมามีเพศ เพราะต้องขับถ่าย มีการเสพกาม มีบุตร ต้องสร้างบ้านเรือนปกปิด ต้องแบ่งพื้นที่ทำมาหากัน

ต่อมา มีผู้มีปัญญา มาช่วยดูแลจัดสรร และปกครอง เรียกว่า กษัตริย์ 

สัตว์ชนิดแรก คือช้าง เกิดแบบโอปปาฏิกะ 

ฟังและชมทั้งหมดได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=xtbMoABXwys

แชร์