"พญาศรีสุทโธนาคราช" ราชาแห่งนาคบาดาล ผู้พ่นดวงไฟถวายเป็นพุทธบูชา ที่มาตำนานบั้งไฟพญานาคแห่งลุ่มน้ำโขง
พญาศรีสุทโธนาคราชพระองค์ได้เห็นเหตุการณ์วันพระพุทธเจ้าเปิดโลกจึงเกิดความเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นในวันออกพรรษาทุกปีพญานาคและบริวารต่างระลึกนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นจึงพร้อมใจกัน กลั่นดวงไฟเพื่อเป็นประทีปบูชาคุณ http://winne.ws/n8569
ใกล้วันออกพรรษา เราก็่จะได้ยินได้ฟังและบางท่านก็ได้เห็นบั้งไฟพญานาคด้วยตาตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องมห้ศจรรย์บนลำน้ำโขง
ที่กล่าวกันว่าพญานาคได้พ่นดวงไฟเพื่อน้อมบูชาคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นมีเรื่องราวที่เล่าขานสืบต่อกันมายาวนานว่า
พญาศรีสุทโธนาคราช" ราชาแห่งเมืองนาคบาดาล ผู้พ่นดวงไฟถวายเป็นพุทธบูชา ที่มาตำนานบั้งไฟพญานาคแห่งลุ่มน้ำโขง
พญานาคถวายดวงไฟบูชาพระพุทธเจ้า
ในพุทธประวัตินั้นได้กล่าวไว้ว่า เมื่อพระนางสิริมหามายา พระพุทธมารดาจุติ (ตาย) จากโลกมนุษย์ ก็เสด็จสู่สวรรค์ชั้นดุสิต ลุถึงเดือนแปด จนตลอดวาระแห่งพรรษาทั้งไตรมาส พระพุทธเจ้าทรงเสด็จโปรดพระพุทธมารดา และเหล่าเทพยดา ณ ดาวดึงส์
แม้องค์ท้าวสักกะเทวราช ก็ปวารณา ถวายช้างทรงเอราวัณเป็นพุทธบูชา จวบสิ้นไตรมาส จึงเสด็จกลับลงมายังโลกมนุษย์ ถึงวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ วันเสาร์ พญาศรีสุทโธนาคราช และบริวารแสนโกฐิ
พร้อมใจต้อนรับพระพุทธองค์ที่เสด็จจากดาวดึงส์ วันนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเปิดโลกทั้ง 3 ให้เห็นทั่วกัน ทั้งโลกสวรรค์ มนุษย์และยมโลก ทำให้มนุษย์ สัตว์และสัตว์นรกต่างเลื่อมใสและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อเหล่ามนุษย์ เทวาและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกคนทุกตนในวันนั่นต่างล้วนตั้งความปรารถนาจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งใจละชั่วทำความดี
วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก วันที่พระองค์เสด็จลงมาจากดาวดึงส์
พญาศรีสุทโธนาคราชเจ้าผู้ครองเมืิองบาดาล
พญาศรีสุทโธนาคราชเองก็เช่นกัน พระองค์เกิดความเลืี่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างไม่มีประมาณ อานุภาพแห่งความเลื่อมใสอย่างสูงสุดต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้กลั่นเป็นดวงไฟเพืี่อน้อมเป็นประทีปถวายเป็นพุทธบูชา
พญาศรีสุทโธนาคราชได้เห็นเหตุการณ์วันพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากดาวดึงส์
พญาศรีสุทโธนาคราช กลั่นดวงไฟน้อมถวายเป็นพุทธบูชา
ความเชื่อในทางพระพุทธศาสนานั้นจะเห็นได้ว่า ในระยะ ๓ เดือนซึ่งเป็นช่วงเข้าพรรษา พระพุทธเจ้าได้เสด็จโปรดพระมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ครั้นเสด็จลงมาในวันออกพรรษา ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ แต่ตรงกับแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ซึ่งเป็นวันถัดจากวันออกพรรษาของลาวซึ่งอยู่ในระยะเวลาที่คาบเกี่ยวกัน เพราะหลังเที่ยงคืนของวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ก็เป็นวันแรม ๑ ค่ำแล้ว หรือที่ชาวโลกเรียกวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ นั้นว่า เทโวโรหนะ
ในคืน ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ พระอินทร์ทรงนิมิตบันได ๓ อย่างถวาย คือ บันไดทอง บันไดแก้วมณี บันไดเงิน หัวบันไดพาดอยู่ที่ยอดเขาสิเนรุ เชิงบันไดอยู่ที่ประตูเมืองสังกัสสะนคร เวลาเสด็จลงทรงใช้บันไดแก้วมณี เหล่าเทวดาลงทางบันไดทอง เหล่ามหาพรหมลงทางบันไดเงิน เรียกการเสด็จครั้งนั้นว่า เทโวโรหนะ
เทโวโรหนะ ทำให้เกิดประเพณีทำบุญตักบาตรที่เรียกวา ตักบาตรเทโว เป็นการใส่บาตรพระพุทธเจ้าซึ่งมีอานิสงส์มาก
พระพุทธเจ้าเสด็จจากดาวดึงส์ด้วยบันไดแก้ว บันไดเงิน บันไดทอง
จึงจะเห็นได้ว่า บั้งไฟพญานาคจะปรากฏอยู่ในวันคืนวันออกพรรษาเดือน ซึ่งดวงไฟจะขึ้นจากน้ำตั้งแต่หัวค่ำ และเพิ่มจำนวนมากขึ้นในช่วงดึก หรืออาจจะเลยช่วงเวลาเที่ยงคืนออกไป ซึ่งเป็นวันแรม ๑ ค่ำ
การเกิดบั้งไฟพญานาคตามความเชื่อในทางพระพุทธศาสนานั้น เชื่อว่า พญานาคทั้งหลาย ต่างระลึกนึกถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้พ่นดวงไฟเป็นประทีปเพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธองค์ในคืนออกพรรษา บ้างก็จะเรียกว่า พญานาคพ่นไฟ บูชาไฟ เป็นพุทธบูชา โดยดวงไฟที่ว่านั้น พวยพุ่งออกจากปากของพญานาค ขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อเป็นพุทธบูชาและรับเสด็จพระพุทธเจ้าด้วยความปลื้มปีติยิ่ง
พญานาคและเหล่าบริวารต่างระลึกถึงเหตุการณ์วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก
ดังนั้นในวันออกพรรษาทุกปีพญานาคและบริวารต่างระลึกนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นพระพุทธเจ้าเปิดโลกจึงพร้อมใจกัน กลั่นดวงไฟเพื่อเป็นประทีปบูชาคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยจิตที่เลื่อมใส
พญานาคและบริวารต่างระลึกนึกถึงคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเลื่ิอมใสจึงกลั่นดวงไฟถวายบูชาคุณ
ประวัติบั้งไฟพญานาค
ขอขอบคุณภาพและข้อมูล :
www.dmc. tv
www.google. co. th
Cr. Poundtawan