พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน

พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน หรือที่เรียกว่า "กฐินพระราชทาน" เป็นมาอย่างไร http://winne.ws/n9242

2.1 พัน ผู้เข้าชม
พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน

พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน

          พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในเทศกาลทอดกฐิน เริ่มตั้งแต่วันออกพรรษาตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑  จนถึงวันสิ้นสุดกาลกฐิน คือ วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒  รวมเวลาได้ ๑ เดือน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐินตามพระอารามหลวงเป็นราชประเพณีเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่วันแรม ๖ ค่ำ เดือน ๑๑ ไปจนถึงวันแรม ๙ ค่ำ เดือน ๑๑ โดยเสด็จพระราชดำเนินทั้งทางบกและทางเรือ

ความหมายของคำว่ากฐิน 

           ตามศัพท์บาลี แปลว่า กรอบไม้สำหรับขึงผ้า กรอบไม้ขึงผ้าเพื่อเย็บนี้ไทยเรียกว่า สะดึง  การใช้กรอบไม้ก็เพื่อขึงผ้าที่ต้องเย็บต่อกันเป็นผืนใหญ่สำหรับพระภิกษุใช้ห่มพันกายที่เรียกว่าจีวร การเย็บผ้าดังกล่าวทำให้เกิดศัพท์ ผ้ากฐิน ขึ้น 

มูลเหตุที่เกิดการทอดกฐิน 

           ในบาลีกล่าวว่า เมื่อครั้งพุทธกาลพระภิกษุเมืองปาไถยรัฐ ๓๐ รูป จะเดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ ที่ประทับเชตวันมหาวิหาร แต่มาไม่ทันเพราะจะถึงเวลาเข้าพรรษาจึงพักเข้าพรรษาเสียก่อนทีเมืองสาเกต เมื่อออกพรรษาแล้ว ก็รีบเดินทางไปเฝ้าพระพุทธองค์ การเดินทางของพระภิกษุเหล่านี้ ถูกฝนเปรอะเปื้อนโคลนตมในระหว่างเดินทาง พระพุทธองค์ทรงทราบถึงความยากลำบากจึงทรงอนุญาตให้พระภิกษุอยู่รับผ้ากฐินที่จะมีผู้นำมาถวายเมื่อออกพรรษาเสียก่อน กำหนดตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ไปจนถึงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒

            ต่อมาเมื่อมีพระภิกษุจำนวนมากขึ้นผ้ากฐินที่พุทธศาสนิกชนทำขึ้นไม่พอจะถวายทั่วทุกองค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติว่า ภิกษุรูปใดมีจีวรครองเก่ากว่าภิกษุอื่นในอาวาสที่จำพรรษาด้วยกันรอบรู้พระธรรมวินัยแลหะปฏิบัติศาสนกิจเป็นที่ยกย่องสรรเสริญของหมู่พระสงฆ์ และไม่ต้องอธิกรณ์ใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียพระภิกษุในอาวาสที่จำพรรษาลาอุโบสถร่วมสังฆกรรมเห็นชอบพร้อมกันอนุโมทนาให้เป็นผู้รับครองผ้ากฐิน ส่วนผู้ถวายจะเจาะจงถวายแด่พระภิกษุรูปหนึ่งไม่ได้ จะต้องวางลงแล้วกล่าววำถวายโดยไม่เจาะจงจึงเรียกกันว่า ทอดผ้ากฐิน หรือ ทอดกฐิน

               การทอดกฐินเป็นประเพณีสำคัญของพุทธศาสนิกชน เป็นงานบุญใหญ่ของทั้งหลวงและราษฎร์ เป็นประเพณีสำคัญมาแต่โบราณตั้งแต่ไทยได้ยอมรับให้ศาสนาบุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ไม่มีการกุศลใดๆ ที่พุทธศาสนิกชนจะร่วมกันทำมากเท่าการทอดกฐิน ดังปรากฏในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชแห่งกรุงสุโขทัยว่า  คนในเมืองสุโขทัยนี้ มักทานมักทรงศีล มักโอยทาน พ่อขุนรามคำแหงเจ้าเมืองสุโขทัยนี้ ทั้งชาวแม่ ชาวเจ้า ท่วยปั่ว ท่วยนาง ลูกเจ้าลูกขุน ทั้งสิ้นทั้งหลาย ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง ฝูงท่วย มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทรงศีลเมื่อพรรษาทุกคน เมื่อออกพรรษากรานกฐินเดือนหนึ่งจึงแล้ว...

การทอดกฐินที่ตั้งเป็นการพระราชพิธีประจำ มีในสมัยรัตนโกสินทร์

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเริ่มเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐินตามพระอารามหลวงในวันแรม ๖ ค่ำ เดือน ๑๑ เสด็จพระราชดำเนินทั้งทางบก ทางเรือ วันละ ๒ วัด ๓ วัดบ้าง 

          ในสมัยก่อน ๆ เป็นงานใหญ่เสด็จฯ โดยกระบวนพยุหยาตราสถลมารค คือพระราชยาน มีกระบวนแห่ราชอิสริยยศ เครื่องสูง แตร กลองชนะ คู่เคียงอินทร์พรหมถือหอก ถือทวน ถือดาบ เชิญพระแสงต่างๆ เป็นกระบวนอิสริยยศแต่งกายอย่างทหารโบราณ 

          สมัยต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งกองทหารแบบยุโรปแล้ว จึงจัดให้มีกองทหารแบบใหม่เป็นกระบวนหน้าและกระบวนหลังตาม บางปีเสด็จถวายผ้าพระกฐินทางเรือเป็นกระบวนพยุหยาตราชลมารคด้วย ผ้าไตรองค์กฐินตั้งในบุษบกเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชหรือเรือพระที่นั่งลำอื่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับในเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ พลเรือแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหารโบราณ มีการเห่เรือตามบทประพันธ์กาพย์เรือ สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๓๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับในเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ พรรษา 

          ต่อมาเมื่อบ้านเมืองเจริญมากขึ้นจึงเปลี่ยนเป็นเสด็จพระราชดำเนินโดยรถม้าพระที่นั่ง รถยนต์พระที่นั่ง เรือยนต์พระที่นั่ง ไปถวายผ้าพระกฐิน แต่บางปีก็โปรดเกล้าฯ ให้กำหนดเป็นเสด็จพระราชดำเนิน กระบวนพยุหยาตราสถลมารคตามโบราณราชประเพณี เช่น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน

พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน

เมื่อถึงเทศกาลทอดกฐินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน 

          พระอารามหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้พระนครเป็นส่วนมาก เริ่มพระกฐินหลวงตั้งแต่แรม ๖ ค่ำ เดือน ๑๑ เป็นวันแรก กำหนดเสร็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน ๒ หรือ ๓ วัด 

          ส่วนการเสด็จโดยกระบวนพยุหยาตราชลมารค มักจะกำหนดให้วันแรม ๙ ค่ำ เพราะวันนี้ทางจันทรคติน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนพระนครขึ้นมากและนิ่งไม่ไหลขึ้นลง สะดวกในการที่จะจัดเป็นกระบวนพยุหยาตรา

          พระอารามหลวงที่ทางราชการกำหนดเป็นวัดที่จะต้องเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินเป็นประจำปีในปัจจุบันมี ๑๖ วัด คือ

                ๑.  วัดบวรนิเวศวิหาร

                ๒.  วัดสุทัศนเทพวราราม

                ๓.  วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

                ๔.  วัดเบญจมบพิตรสถิตมหาสีมาราม

                ๕.  วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม

                ๖.  วัดมกุฏกษัตริยาราม

                ๗.  วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม

                ๘.  วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์

                ๙.  วัดราชาธิวาส

               ๑๐.  วัดราชโอรสาราม

               ๑๑.  วัดอรุณราชวราราม

               ๑๒.  วัดเทพศิรินทราวาส

               ๑๓.  วัดสุวรรณดาราราม

               ๑๔.  วัดนิเวศธรรมประวัติ

               ๑๕.  วัดพระปฐมเจดีย์

               ๑๖.  วัดพระศรีรัตน์มหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก

               พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐินวันละ ๒ วัด หรือ ๓ วัด ประมาณ ๓ วัน วัดที่เหลือ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชวงศ์ องคมนตรี หรือบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดเสด็จไปหรือไปถวายแทนพระองค์ส่วนพระอารามหลวงอื่นๆ นอกจาก ๑๖ วัดนี้ ซึ่งมีทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กระทรวง ทบวง กรม สถาบัน คณะบุคคล นำเครื่องพระกฐินพระราชทานไปทอดยังพระอารามหลวงต่าง ๆ แต่มีบางปีโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดเสด็จฯ ไปถวายผ้าพระกฐินเป็นบางวัด นอกจากนี้ถ้าสมเด็จพระสังฆราชประทับที่วัดนอกจากจะได้รับกฐินหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐินด้วย

พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินแหล่งภาพจาก อนุบาลบุณยรักษ์

การพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินในรัชกาลปัจจุบันได้เสด็จพระราชดำเนินและโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมวงศ์เสด็จไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ โดยออกเป็นหมายกำหนดการ การแต่งกายของข้าราชการผู้เฝ้าฯ ในพระราชพิธีนี้มีข้อกำหนดเป็นการพิเศษ ดังนี้

             แต่งกายเครื่องแบบเต็มยศ สวมสายสะพายขัตติยราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์หรือจุลจอมเกล้าและช้างเผือกถ้าปีใดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามด้วย ต้องกำหนดสายสะพายขัตติยราชอิสริยาภรณ์มงกุฎไทยเป็นสายสำคัญในกรณีที่โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมวงศ์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์นั้น หมายกำหนดการจะได้กำหนดแต่งกายเต็มยศสายสะพายขัตติยราชอิสริยาภรณ์มหาจักรี และทุกวัดที่ออกหมายกำหนดการต้องมีทหารเหล่ารักษาพระองค์ จัดเป็นกองเกียรติยศ พร้อม แตรวง ธงประจำกองไปตั้งรับ-ส่งเสด็จฯ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี

            พระกฐินหลวงที่ทอด ณ วัดฝ่ายธรรมยุต ที่ไตรองค์กฐินจะมีผ้าขาวพับซ้อนอยู่ข้างบน เมื่อทอดถวายและพระสงฆ์ทำกฐินกรรมเสร็จแล้ว เสด็จฯ กลับ เจ้าพนักงานช่างเย็บซึ่งเป็นข้าราชการฝ่ายในสังกัดสำนัก พระราชวัง จะช่วยฝ่ายสงฆ์ตัดเย็บผ้าขาว ที่ทรงทอดถวายรวมกับไตรองค์กฐิน เอาไปเย็บเข้ากระทงเป็นจีวรแล้วย้อมใหม่ด้วยสีกรัก (สีเปลือกไม้)  ถวายพระสงฆ์ไปทำพิธีกรรมในการครองผ้าพระกฐินต่อไป ซึ่งต้องทำแล้วเสร็จในวันนั้น

            การพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกล่าวคำถวายผ้าพระกฐินเป็นคำบาลีสำหรับพระอารามหลวงฝ่ายธรรมยุตแบบหนึ่ง ฝ่ายมหานิกายแบบหนึ่ง ส่วนวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์และวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ทรงกล่าวคำถวายเป็นภาษาไทย

           ในกรณีวัดที่เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินนั้น มีการสดับปกรณ์พระอัฐิสมเด็จพระมหาสมณเจ้า เช่น วัดบวรนิเวศวิหารและวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เมื่อพระผู้ครองผ้าพระกฐินออกไปครองผ้าไตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะได้ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายสักการะแล้วทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ ๑๐ รูปสดับปกรณ์ ออกไปครองผ้ากลับเข้านั่งที่เดิมพร้อมกับพระผู้ครองผ้าพระกฐินแล้วจึงถวายเครื่องบริขารพระกฐิน

             อนึ่งพระกฐินหลวงที่โปรดเกล้าฯ ให้แทนพระองค์ตลอดจนพระกฐินพระราชทาน กล่าวคำถวายผ้าพระกฐินเป็นภาษาไทยตามที่กรมศาสนากำหนดนอกจากนี้กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับพระกฐินหลวงและกฐินพระราชทานไว้ด้วย

           ในสมัยก่อนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ โดยกระบวนพยุหยาตราสถลมารคและกระบวรพยุหยาตราชลมารค ปัจจุบันเสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งและบางปีเสด็จฯ ทางชลมารคเพื่อพระราชทานผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม เพื่อเป็นการรักษาราชประเพณีโบราณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินไปหรือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชบรมวงศ์หรือผู้ใดผู้หนึ่งเสด็จไปหรือไปถวายผ้าพระกฐินแด่พระอารามหลวง ๑๖ อาราม และตั้งแต่วันแรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึง วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กระทรวง ทบวง กรม สถาบัน คณะบุคคล นำเครื่องพระกฐินพระราชทานไปถวายพระอารามหลวงต่าง ๆ ทั่วประเทศ

 คัดลอกจาก www.identity.opm.go.th/identity/.../show_content.asp?no.

แชร์