คนอัศจรรย์เมื่อ ๒๐๐๐ กว่าปี กว่าจะมาเป็นโชติกเศรษฐีผู้มีสมบัติตักไม่พร่อง ตอนที่๑

โชติกเศรษฐีมื่อเกิดมาก็ได้สมบัติทั้ง ๓ โดยไม่ต้องไปแสวงหา เหมือนชาวโลกทั่วไป เกิดมาเพื่อเสวยสมบัติ ที่เกิดจากผลบุญอย่างเดียว เหมือนดังเรื่องเส้นทางสู่ความเป็น มหาเศรษฐีผู้มีสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องของท่านโชติกเศรษฐีี http://winne.ws/n9570

1.2 พัน ผู้เข้าชม
คนอัศจรรย์เมื่อ ๒๐๐๐ กว่าปี กว่าจะมาเป็นโชติกเศรษฐีผู้มีสมบัติตักไม่พร่อง ตอนที่๑

           ตอนที่๑

มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาความเป็นผู้เลิศ ไม่ว่าจะเลิศทางด้านรูปสมบัติทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ ทั้งที่เป็นของมนุษย์และของทิพย์ การจะได้ความเป็นผู้เลิศนี้มา ก็ต้องอาศัยการประกอบเหตุกันทั้งนั้น คือต้องกล้ารื้อผังจน และต้องกล้ารวย ความตระหนี่ที่มีอยู่ในใจ มากน้อยเพียงใด ต้องขจัดออกไปให้หมด ต้องไม่ห่วง ไม่หวง มีแต่อยากเป็นผู้ให้ ให้โดยไม่รู้สึกเสียดาย ยิ่งให้ก็ยิ่งปลื้มปีติ เพราะหวงคือไล่ ให้คือเรียก เรียกสิริมงคลทั้งหลายมาสู่ตัวของเรา ทานกุศลที่ได้ทำไปแล้ว จะกลายเป็นผังรวย ไปพังทลายผังจน ที่ติดแน่นมาข้ามชาติ ถ้าผังจนถูกรื้อหมด ผังรวยที่ยั่งยืน ก็บังเกิดขึ้น ทั้งหล่อ รวย สวย ฉลาด สมปรารถนา เมื่อเกิดมาก็ได้สมบัติทั้ง ๓ โดยไม่ต้องไปแสวงหา เหมือนชาวโลกทั่วไป เกิดมาเพื่อเสวยสมบัติ ที่เกิดจากผลบุญอย่างเดียว เหมือนดังเรื่องเส้นทางสู่ความเป็น มหาเศรษฐีผู้มีสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องของท่านโชติกเศรษฐีี             

โชติกเศรษฐีผู้มีสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง

คนอัศจรรย์เมื่อ ๒๐๐๐ กว่าปี กว่าจะมาเป็นโชติกเศรษฐีผู้มีสมบัติตักไม่พร่อง ตอนที่๑

    ในยุคที่พระวิปัสสีสัมมาพุทธเจ้ากำลังประกาศธรรม ท่านเกิดเป็นกุฎุมพีมีนามว่าอปราชิตะ เกิดความเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนามาก ได้สร้างพระคันธกุฎีถวายพระบรมศาสดา ให้ทำเสา บานประตูและกระเบื้องทั้งหมด ประดับด้วยรัตนะ ๗ ประการ ให้สร้างสระโบกขรณี ๓ สระ สั่งให้ทำน้ำหอม แล้วให้ปลูกดอกไม้ ๕ สี เมื่อสร้างสำเร็จแล้ว ได้กราบทูลพระบรมศาสดา ให้เสด็จเข้าไปพักผ่อนในพระคันธกุฎี อปราชิตะคิดว่า รัตนชาติที่เรามีอยู่นี้ ถ้าเก็บไว้ในคลังหรือมัวฝังไว้ในหลุม ก็ไม่มีใครได้ชมเชย ไม่เกิดประโยชน์กับใครเลย พอมีแล้วก็เป็นห่วง บางทีอาจเป็นโทษกับตัวเองก็ได้ เพราะฉะนั้นทางที่ดี ควรทำให้เกิดประโยชน์ ต่อพุทธศาสนาและชาวโลก

            ท่านคิดต่อไปว่า พุทธบริษัทที่รวยศรัทธา แต่ขาดทรัพย์ยังมีอยู่มาก ถึงแม้บางคนไม่ได้ศรัทธา แต่ไปวัดฟังธรรม เพราะโลภอยากได้รัตนชาติของเรา หากเขาได้ฟังแล้ว ก็มีโอกาสที่จะได้ศึกษาความจริงของชีวิต เมื่อคิดดังนี้จึงได้ตัดสินใจโปรยรัตนชาติที่หน้าลานพระคันธกุฎี คนที่ยังยากจนอยู่ เมื่อไปฟังธรรมแล้ว ก็หยิบเอารัตนะของ กุฎุมพีคนละกำสองกำ รัตนชาติถูกโปรยลงเพียงคราวเดียว และวันเดียวเท่านั้น ก็หมดไปอย่างรวดเร็ว เขาสั่งให้บริวารนำมาโปรยอีก คราวนี้โปรยสูงถึงเข่า ทำอยู่อย่างนั้นถึง ๓ ครั้ง นอกจากนี้ยังได้ทำกุศโลบาย ที่จะทำให้มหาชนได้บรรลุธรรมกันมากๆ จึงตัดสินใจสละสมบัติประจำตระกูล ด้วยการวางแก้วมณี ประมาณเท่าผลแตงโม แทบบาทของพระบรมศาสดา มหาชนได้เห็นแก้วมณีซึ่งเปล่งแสงสว่างไสว ขลับกับรัศมีที่เปล่งจาก พระพุทธสรีรกาย จึงชุ่มฉ่ำทั้งดวงตา และดวงใจ ดวงตาภายนอกก็ได้เห็นสิ่งอันเป็นสิริมงคล ดวงตาภายในเกิดธรรมจักขุ ได้บรรลุมรรคผลนิพพานกันถ้วนหน้า

พราหมณ์มิจฉาทิฏฐิ ได้แอบไปลักแก้วมณีไป

คนอัศจรรย์เมื่อ ๒๐๐๐ กว่าปี กว่าจะมาเป็นโชติกเศรษฐีผู้มีสมบัติตักไม่พร่อง ตอนที่๑

           วันหนึ่ง พราหมณ์มิจฉาทิฏฐิคนหนึ่ง ได้แอบไปลักแก้วมณีดวงนั้น ท่านเศรษฐีจึงกราบทูล ความในใจแด่พระพุทธองค์ว่า " พระพุทธเจ้าข้า รัตนะ ๗ ประการที่ข้าพระองค์โปรยล้อมรอบพระคันธกุฎี ๓ ครั้ง สูงถึงหัวเข่า ใครมารับไป ข้าพระองค์ก็ปลื้มปีติทุกครั้ง แต่วันนี้ ข้าพระองค์ไม่รู้สึกปลื้ม ในการกระทำของพราหมณ์เลย พระเจ้าข้า" พระบรมศาสดาตรัสให้กำลังใจว่า " อุบาสก ช่างเถิด สิ่งใดที่คนอื่นนำไปแล้ว ก็จงเป็นอันนำไปด้วยดีเถิด ธรรมดาบัณฑิตควรทำความยินดีในทาน ทั้ง ๓ ขณะ จึงจะถูกต้อง การสละวัตถุภายนอกออกจากใจแล้ว มารู้สึกเสียดายภายหลัง ไม่ใช่วิสัยของสัตบุรุษ"

ท่านเศรษฐีกราบทูล ความในใจแด่พระพุทธเจ้า ถึงความกังวลที่ดวงแก้วมณีประจำตระกูลที่ถวายพระพุทธองค์ถูกขโมย

คนอัศจรรย์เมื่อ ๒๐๐๐ กว่าปี กว่าจะมาเป็นโชติกเศรษฐีผู้มีสมบัติตักไม่พร่อง ตอนที่๑

      กุฎุมพีได้ฟังดังนั้น จึงทำความปรารถนาเอาไว้ว่า "พระเจ้าข้า พระราชาหรือโจรแม้หลายร้อย ชื่อว่าสามารถเพื่อจะข่มเหงข้าพระองค์ ถือเอาเข็มเล่มเดียวของข้าพระองค์ จงอย่ามี และภัยใดๆ อย่าได้มาบีบคั้นตัดรอนชีวิต และทรัพย์สินของข้าพเจ้าได้" เมื่อถึงเวลาฉลองพระคันธกุฎี กุฎุมพีได้ถวายมหาทานแก่ภิกษุ ๖ ล้าน ๘ แสนรูป ภายในวิหารแห่งนั้นตลอด ๙ เดือน ในวันสุดท้าย ได้ถวายไตรจีวรแก่ภิกษุทุกรูป จากนั้น อปราชิตกุฎุมพีก็สั่งสมบุญทุกอย่าง คอยเป็นกำลังหลักในการสนับสนุน การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไปทั่วโลกจนตลอดอายุ ครั้นละโลกแล้ว ได้ไปบังเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติอันโอฬารเป็นเวลายาวนานมาก

กฎุมพีทำบุญถวายรัตนชาติสูงเทียมเข่าเพื่อให้คนมาฟังธรรม ตั้งจิตอธิษฐานว่า ขออย่ามีภัยใด ๆมาตัดรอนหรือทำลายทรัพย์สินได้ถ้าไม่อนุญาต

คนอัศจรรย์เมื่อ ๒๐๐๐ กว่าปี กว่าจะมาเป็นโชติกเศรษฐีผู้มีสมบัติตักไม่พร่อง ตอนที่๑

บุญอจินไตยทำให้ได้มหาสมบัติจักรพรรดิ

           ครั้นมาถึงในยุคพุทธกาลนี้ ท่านได้เกิดในตระกูลเศรษฐี ในกรุงราชคฤห์ ในวันที่กุฎุมพีเกิด สรรพอาวุธในพระนคร ทั้งสิ้นรุ่งโรจน์ เปล่งแสงแพรวพราว จึงได้รับการขนานนามว่า "โชติกะ" หนูน้อยโชติกะได้รับการเลี้ยงด ูอย่างดีประหนึ่งเทพกุมาร เมื่อเติบโตเป็นหนุ่มพร้อม ที่จะแต่งงานมีคู่ครอง พระอินทร์ได้เสด็จลงจาก สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทรงนิรมิต เป็นนายช่างไม้ เดินเข้าไปหาพวกนายช่าง ซึ่งกำลังถางป่าเพื่อปลูกสร้างปราสาทให้โชติกะ ทรงบอกพวกช่างไม้ว่า โชติกะเป็นผู้มีบุญมาเกิด ไม่อยู่ในปราสาทที่พวกท่านสร้างขึ้นหรอก ทรงเนรมิตปราสาท ๗ ชั้น สำเร็จด้วยรัตนะ ๗ กำแพงแก้ว ต้นกัลปพฤกษ์ผุดขึ้นรอบกำแพง บนเนื้อที่ประมาณ ๑๖ กรีส หรือประมาณ ๖๒๕ ไร่ ขุมทรัพย์ ๔ ขุม ที่มุมทั้ง ๔ ของปราสาท พระเจ้าพิมพิสารทรงสดับว่า "ปราสาท ๗ ชั้น ซึ่งสำเร็จด้วยแก้ว ๗ ประการ ผุดขึ้นเพื่อโชติกะ" ทรงส่งฉัตรเศรษฐีไปให้ แล้วทรงสถาปนาไว้ในตำแหน่งเศรษฐีประจำกรุงราชคฤห์

วันที่โชติกะเกิดสรรพอาวุธในพระนคร ทั้งสิ้นรุ่งโรจน์ เปล่งแสงแพรวพราว จึงได้รับการขนานนามว่า "โชติกะ"

คนอัศจรรย์เมื่อ ๒๐๐๐ กว่าปี กว่าจะมาเป็นโชติกเศรษฐีผู้มีสมบัติตักไม่พร่อง ตอนที่๑

เมื่อโตเป็นหนุ่มพระเจ้าพิมพิสารทรงส่งฉัตรเศรษฐีไปให้ แล้วทรงสถาปนาไว้ในตำแหน่งเศรษฐีประจำกรุงราชคฤห์

คนอัศจรรย์เมื่อ ๒๐๐๐ กว่าปี กว่าจะมาเป็นโชติกเศรษฐีผู้มีสมบัติตักไม่พร่อง ตอนที่๑

            ทางด้านหญิงสาวผู้จะมาเป็น ภรรยาคู่บุญของโชติกะนั้น เป็นนางแก้วซึ่งไปเกิดในอุตตรกุรุทวีป เพราะฉะนั้นเมื่อถึงคราว ที่โชติกะจะต้องแต่งงานมีคู่ครอง พวกเทวดาจึงเหาะไปพา นางมาจากอุตตรกุรุทวีป ให้นั่งในห้องอันเป็นสิริ ตอนที่มาจากอุตตรกุรุทวีป ก็ได้ถือเอาทะนานข้าวสารมาด้วย พร้อมกับแผ่นศิลา ๓ แผ่น โชติกเศรษฐีพร้อมด้วยภรรยา จะอาศัยแสงสว่างจากแก้วมณี จึงไม่ต้องอาศัยแสงสว่าง ของไฟหรือประทีป ทั้งสองภรรยาสามี ผู้มีบุญอาศัยทะนานข้าวสาร กับแผ่นศิลาวิเศษซึ่งถือว่าเป็นเครื่องครัวที่รู้ใจ และอาศัยแก้วมณี ที่นำความปรารถนาสำเร็จ มาให้ทุกอย่าง ทำให้ได้รับความสะดวกสบาย บนปราสาทแก้ว ประดุจอยู่บนสรวงสวรรค์ 

จบตอนที่ ๑

นางแก้วภรรยาคู่บุญของโชติกะนั้น เป็นนางแก้วซึ่งไปเกิดในอุตตรกุรุทวีปเทวดาจะเหาะพามาพร้อมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ๒ อย่าง

คนอัศจรรย์เมื่อ ๒๐๐๐ กว่าปี กว่าจะมาเป็นโชติกเศรษฐีผู้มีสมบัติตักไม่พร่อง ตอนที่๑

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

 http://www.kalyanamitra.org/th/uniboon_detail.php?page=1080

แชร์