คนอัศจรรย์เมื่อ ๒๐๐๐ กว่าปี โชติกะเศรษฐีผู้ได้สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องตอน "ผู้ละโลกียะมุ่งสู่โลกุตตระ"

ท่านโชติกเศรษฐีรู้สึกสลดสังเวชใจพระกิริยาของพระราชา ท่านจึงสอนตนเองว่า ทรัพย์เหล่านี้เป็นโลกียะ ไม่ได้นำความสุขที่แท้จริงมาให้ การได้ทรัพย์อันเป็นโลกุตตระประเสริฐกว่า แล้วก็ทูลลาบวช http://winne.ws/n9583

1.1 พัน ผู้เข้าชม

โชติกะเศรษฐีผู้ได้สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง"ผู้ละโลกียะมุ่งสู่โลกุตตระ"

คนอัศจรรย์เมื่อ ๒๐๐๐ กว่าปี  โชติกะเศรษฐีผู้ได้สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องตอน "ผู้ละโลกียะมุ่งสู่โลกุตตระ"

 สมบัติของโชติกเศรษฐีเลื่องลือ ไปทั่วชมพูทวีป มหาชนจึงชักชวนกันเทียมเกวียนบ้าง เทียมม้าบ้าง เพื่อต้องการมาดูสมบัติของผู้มีบุญ โชติกเศรษฐีได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าของบ้านที่ดี ให้การต้อนรับ ทำชมพูทวีปให้ได้รับความสุขถ้วนหน้า โดยสั่งให้เปิดปากขุมทรัพย์ใต้ดิน ที่มีประมาณคาวุตหนึ่งหรือประมาณ ๔ กิโลเมตร แล้วกล่าวว่า " มหาชนจงถือเอาทรัพย์ ตามที่ตนเองคิดว่า จะสามารถนำกลับไปตั้งเนื้อตั้งตัวได้ " น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เมื่อผู้คนมากมายที่หลั่งไหล มาจากชมพูทวีป ถือเอาทรัพย์ไปอยู่ ปากขุมทรัพย์มิได้พร่องลงแม้เพียงองคุลีเดียว นี่ก็เป็นเพราะผลแห่งรัตนะ ที่เขาโปรยลงบริเวณพระคันธกุฎีของพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้ได้สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง

ท่านโชติกเปิดขุมทรัพย์ให้ชาวเมืองทั่วทั้งชมพูทวีปมาเอาไปตามปรารถนาแต่สมบัติก็หาได้พร่องลง

คนอัศจรรย์เมื่อ ๒๐๐๐ กว่าปี  โชติกะเศรษฐีผู้ได้สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องตอน "ผู้ละโลกียะมุ่งสู่โลกุตตระ"

ผู้ละโลกียะมุ่งสู่โลกุตตระ 

            ต่อมาพระเจ้าอชาตศัตรูได้ยกกองทัพไปยึดรัตนปราสาทของท่าน แต่ก็ยึดไม่ได้ เพราะถูกพวกยักษ์ขับไล่กองทัพให้แตกกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง พระราชาได้เสด็จหนีตาย ไปทางวิหารเชตวัน ครั้นเห็นเศรษฐีกำลังนั่งฟังธรรม จึงตรัสในเชิงสัพยอกว่า "คฤหบดี ท่านบังคับพวกบุรุษของท่านให้มารบกับเรา แล้วมาหลบอยู่ที่นี่ นั่งทำเป็นเหมือนฟังธรรม " เศรษฐีทูลถามว่า "ก็สมมติเทพ เสด็จไปเพื่อยึดเอารัตนปราสาทของข้าพระองค์มิใช่หรือ" เมื่อพระราชายอมรับ จึงกราบทูลว่า "ข้าแต่สมมติเทพ แม้พระราชาตั้งพัน ก็ไม่สามารถยึดมหาปราสาทของข้าพระองค์ได้ แม้เพียงเส้นด้ายที่ชายผ้าของข้าพระองค์ก็เอาไปไม่ได้ หากข้าพระองค์ไม่ปรารถนา" ท่านได้ให้พระราชาทดลองมาแย่งเอาแหวน ๒๐ วง ซึ่งสวมอยู่ที่นิ้วมือไป

พวกยักษ์รักษาปราสาทแก้วไล่ทหารพระเจ้าอชาตศรัตรูกระเจิง ท่านเศรษฐีให้พระเจ้าอชาติศรัตรูถอดแหวนที่นิ้วท่านพระราชาแม้มีกำลังมากก็มิอาจถอดได้

คนอัศจรรย์เมื่อ ๒๐๐๐ กว่าปี  โชติกะเศรษฐีผู้ได้สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องตอน "ผู้ละโลกียะมุ่งสู่โลกุตตระ"

            พระราชาเป็นผู้มีพละกำลังมาก เพียงประทับนั่งกระโหย่ง ก็สามารถกระโดดขึ้นสูง ๑๘ ศอก เมื่อประทับยืน สามารถกระโดดขึ้นสูงได้ถึง ๘๐ ศอก แต่ก็ไม่สามารถถอดแหวนแม้วงเดียวได้ โชติกเศรษฐีจึงลาดผ้าขาว ทำนิ้วทั้งสิบให้ตรง ทันใดนั้น แหวนทั้ง ๒๐ วง ก็หลุดออกทันที ด้วยความสลดสังเวชใจพระกิริยาของพระราชา ท่านจึงสอนตนเองว่า "ทรัพย์เหล่านี้เป็นโลกียะ ไม่ได้นำความสุขที่แท้จริงมาให้ การได้ทรัพย์อันเป็นโลกุตตระประเสริฐกว่า " แล้วก็ทูลลาบวช พระเจ้าอชาตศัตรูทรงดำริว่า "ดีเหมือนกัน เมื่อเศรษฐีบวชแล้ว เราจะได้ยึดเอาปราสาทได้สะดวก" จึงทรงอนุญาต เศรษฐีได้อำลาหมู่ญาติและบริวาร บวชในสำนักพระบรมศาสดา ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรม ใช้เวลาไม่นานก็ได้บรรลุพระอรหัตผล เมื่อได้บรรลุพระอรหัตผลแล้ว สมบัติทั้งหมดก็อันตรธานไป พวกเทพดาจึงนำภรรยาของเศรษฐีกลับไปอุตตรกุรุทวีปดังเดิม

โชติกเศรษฐีได้สละสมบัติจักรพรรดิออกบวชที่วัดพระเชตวัน ไม่นานก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์

คนอัศจรรย์เมื่อ ๒๐๐๐ กว่าปี  โชติกะเศรษฐีผู้ได้สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องตอน "ผู้ละโลกียะมุ่งสู่โลกุตตระ"

     ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องเส้นทางสู่ ความเป็นมหาเศรษฐีของโชติกะ เราจะเห็นว่า การจะได้ครอบครอง มหาสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง ต้องรู้หลักวิชชา คือทำบุญถูกเนื้อนาบุญ ต้องสละความตระหนี่ ออกจากใจให้หมดเสียก่อน ความตระหนี่เป็นมลทินอันร้ายกาจ ที่จะทำให้เราพลาดจากสมบัติทุกอย่าง ในภพชาติเบื้องหน้า พลาดจากความรวย สวย ฉลาด สมปรารถนา เมื่อมีทรัพย์แล้ว หากมัวตระหนี่ ทรัพย์นั้นก็เป็นเหมือนบ่อน้ำที่ใสสะอาดเย็นสบาย แต่มีผีเสื้อน้ำคอยหวงแหน ทรัพย์นั้นเรียกว่าทรัพย์ตาย เพราะนำติดตัวไปไม่ได้ ถ้าจะให้ติดตัวไปได้ ต้องเอาชนะความตระหนี่ ด้วยการนำออกให้ทาน ให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเอง และชาวโลก เหมือนแม่น้ำสายใหญ่ มีท่าลงราบเรียบพร้อม ที่จะให้ทุกคนลงมาอาบดื่มกิน ได้อย่างสบาย แม้ขณะนี้เรายังมีทรัพย์น้อย แต่ขอให้หัวใจเกินร้อย คือให้ทุ่มเทเต็มความสามารถ เต็มศรัทธา สั่งสมบุญไว้ในบวรพุทธศาสนา ทั้งทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาจนตลอดชีวิต จะได้เป็นอริยทรัพย์ และก่อตัวเป็นสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง ที่จะบังเกิดขึ้นในภพชาติเบื้องหน้า ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม

เมื่อท่านโชติกเศรษฐีออกบวชได้รรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ปราสาทแก้ว นางแก้ว ขุมทรัพย์ที่เกิดด้วยบุญท่านก็ได้อันตรธานไปในทันที

คนอัศจรรย์เมื่อ ๒๐๐๐ กว่าปี  โชติกะเศรษฐีผู้ได้สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องตอน "ผู้ละโลกียะมุ่งสู่โลกุตตระ"

"บัณฑิตพึงครอบงำมลทินใจด้วยการกำจัดความตระหนี่เสีย แล้วมุ่งให้ทานเถิดย เพราะบุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งของสัตว์โลกทั้งหลาย ในโลกหน้า" พิลารโกสิยชาดก ๒๗/๒๘

ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก

http://www.kalyanamitra.org/th/uniboon_detail.php?page=1080

แชร์