“สถานธรรมปลีกวิเวก” สอนวิชาธรรม นำวิชาชีพ
สถานธรรมปลีกวิเวก อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ 111 ไร่ ทำหน้าที่เป็นโรงเรียนสอนวิชาธรรมนำวิชาชีพ และเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้ มีพระอาจารย์ ดร.ฐาณี จิตวิริโย เป็นผู้อำนวยการใหญ่ พระและสามเณรเป็นครู ใช้ ผืนป่า นาข้าวเป็นห้องเรียน http://winne.ws/n11190
สถานธรรมปลีกวิเวก อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ บนเนื้อที่ 111 ไร่ ตั้งอยู่บนดอยสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1,300 เมตร ทำหน้าที่เป็นโรงเรียนสอนวิชาธรรมนำวิชาชีพตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง และเปิดโอกาสให้บุคลากรภายนอกที่สนใจได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ โดยมีพระอาจารย์ ดร.ฐาณี จิตวิริโย เป็นผู้อำนวยการใหญ่ มีพระและสามเณรเป็นครู ใช้ ผืนป่า นาข้าวเป็นห้องเรียน
พระอาจารย์ ดร.ฐาณี จิตวิริโย ผู้ก่อตั้งและพัฒนาสถานธรรมปลีกวิเวก เล่าว่า สถานธรรมปลีกวิเวกแห่งนี้อยู่ห่างไกล สงบเงียบตอนแรกตั้งใจสร้างขึ้นสำหรับปฏิบัติธรรมเองจึงตั้งชื่อว่า “ปลีกวิเวก” แต่ภายหลังมีลูกศิษย์จากต่างถิ่นเข้ามาขอเที่ยวชมสถานที่และมองว่าเป็นประโยชน์จึงได้พัฒนาเป็นสถานปฏิบัติธรรมเพื่อใช้ทำกิจกรรมไหว้พระ สวดมนต์ มีลูกศิษย์ทั้งพระและเณรมากขึ้น การบิณฑบาตก็ยากลำบากจึงได้ให้พระเณรช่วยกันทำนา ปลูกพืชผักไว้ฉันกันเองตามแนวคิด “ปลูกทุกสิ่งที่ฉัน ฉันทุกสิ่งที่ปลูก” และพัฒนาระบบสาธารณูปโภครอบรับอย่างครบครันทั้งระบบประปา ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และถนนที่ใช้ในการเดินทางสัญจรนับว่ามีความสะดวกสบายมากขึ้นจึงได้เปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงให้บุคลภายนอกได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ และเป็นสถานที่เข้าค่ายของโรงเรียนต่างๆ ในอำเภอเวียงแหง จ.เชียงใหม่โดยมีพระเณร เป็นวิทยากรให้ความรู้ นับเวลานานกว่า 10 ปี
สำหรับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่นำมาประยุกต์ใช้กับ สถานธรรมปลีกวิเวกมี 2 ส่วน คือ หลักคิด และ หลักปฏิบัติ หมายถึง หลักคิดที่กำหนดขึ้นคือ ทางโลกไม่ให้ช้ำ ทางธรรมไม่ใช้เสีย และนำแนวทางทั้ง 2 มาปฏิบัติให้เกิดผล คือการมีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และความรู้จักประมาณตน เป็นแนวคิดที่สอนให้ทางพระสงฆ์ สามเณร เยาวชน รวมถึงชาวบ้านที่เข้ามาปฏิบัติธรรม ได้ปฏิบัติตามด้วย
ส่วน กิจกรรมที่จัดขึ้นภายในสถานธรรมปลีกวิเวก ประกอบด้วย 1.ค่ายคุณธรรม โดยยึดแนวทางคนสร้างค่าย ค่ายสร้างคน เดินตามรอยพ่อ พ.ศ.พอเพียง 2.กว่าจะมาเป็นข้าวก้นบาตร มีหลักคิดว่า ปลูกทุกอย่างที่ฉัน ฉันทุกอย่างที่ปลูก 3.โรงเรียนผู้สูงอายุ สำหรับบุคคลอายุ 60 ปีขึ้นไป มาเรียนทุกวันพฤหัสบดี โดยวิชาที่เรียนจะครอบคลุมถึงวิชาศีลธรรม ภูมิปัญญาพื้นบ้าน รวมไปถึงการดูแลเรื่องสุขอนามัยของผู้สูงอายุ ภายใต้คอนเซ็ปต์ สูงวัยสุขใจอย่างล้น และ 4.กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชาวต่างชาติ ซึ่งได้มีการบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างนักเรียนจากประเทศออสเตรเลีย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมกับชาวต่างชาติ โดยแต่ละปีจะมีนักเรียนมาแลกเปลี่ยนจำนวน 6 คณะ คณะละ 25-30 คน นอกจากนี้ยังเป็นฐานเรียนรู้ให้พระสงฆ์จากประเทศภูฏาน เมียนมา เวียดนาม และกัมพูชา มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน หรือเรียกว่าเป็น “ธนาคารแห่งความรู้”
“กิจกรรมต่างๆ ที่ประยุกต์ใช้ มีประโยชน์ต่อทั้งตัวบุคคลเอง และชุมชนโดยรอบด้วย โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ เบื้องต้น นำหลักธรรมมาพัฒนาคนก่อน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ชาวบ้าน ครูอาจารย์ ปัจจุบันทางอ.เวียงแหงเองได้เข้ามาใช้สถานที่เป็นศูนย์เรียนรู้ด้วย ถัดไป เป็นการกระจายข่าวสารการเรียนรู้ผ่านทางเครือข่ายต่างๆ เช่น จัดโครงการธรรมะสัญจรไปยังโรงเรียนต่างๆ แล้วก็นำมาผลิตสื่อ เพื่อเผยแพร่ให้บุคคลภายนอกได้รับรู้ด้วย และสุดท้าย การพัฒนาคน หมายถึงสามเณรที่อยู่สถานธรรมได้มีการฝึกเทศ ฝึกอบรม ฝึกจัดค่าย” พระอาจารย์ ดร.ฐานี กล่าว
พระอาจารย์ ดร.ฐานี กล่าวอีกว่า สถานธรรมปลีกวิเวก ได้รับรางวัลโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP ซึ่งคัดเลือกจาก 730 โครงการทั่วโลก เหลือเพียง 25 โครงการ เพื่อไปนำเสนองานที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย และรอบสุดท้ายคัดเหลือเพียง 5 ทีม และสามารถติด 1 ใน 5 โครงการที่ได้รับรางวัล โดยตัวชี้วัดที่ทำให้ได้รับคัดเลือก คือ สอนให้คนรู้จักพึ่งพาตนเอง การพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ทำให้คนอยู่ร่วมกันอย่างสันติภาพ พร้อมกันนี้ยังได้รับรางวัลพิเศษ “เป้าหมายการพัฒนาศตวรรษใหม่ หรือ Millennium Development Goals” ถือเป็นทีมแรกและทีมเดียวที่ได้รับรางวัลนี้
“รางวัลนี้เป็นเครื่องการันตีอย่างหนึ่งที่ทำให้สถานธรรมปลีกวิเวกของเราสามารถเป็นศูนย์เรียนรู้ของการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ ส่วนด้านการนำพลังงานทดแทนมาใช้นั้น เราได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ฟ้าชัย วิศวกรรม จำกัด ให้บริการผลิตภัณฑ์ด้านระบบ Solar Energy ชั้นนำของโลก ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ได้ดำเนินการติดตั้งโซล่าเซลล์ ซึ่งจะมีคุณภาพและประสิทธิภาพของระบบสามารถรองรับการใช้งานได้ยาวนานไม่น้อยกว่า 25 ปี เพื่อให้สถานธรรมปลีกวิเวกสามารถผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใช้ได้เองตลอดจนกระจายไฟฟ้าที่ได้ไปยังชุมชนใกล้เคียงด้วยเช่นกัน ซึ่งการใช้พลังงานแสงอาทิตย์นั้นสามารถช่วยลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย รวมถึงเป็นการถ่ายทอดหลักการเรียนรู้ให้กับเยาชน คนที่เข้ามาศึกษาดูงาน ได้ตระหนักถึงเรื่องพลังงานสะอาด ที่สามารถผลิตได้เองทั้งนี้พระอาจารย์มีแนวคิดว่านอกจากปัจจัย 4 คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรคแล้ว เรื่องพลังงานจะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิต และต่อไปในอนาคตจะกลายเป็น Green Energy หรือพลังงานสะอาด รวมถึงเป็นพลังงานทางเลือก ซึ่งทางสถานธรรมของเราได้ทำเรื่องนี้มาโดยมาตลอด”