ชีวิตนักสร้างบารมี ยุคกัปไขลง (อายุขัยมนุษย์เฉลี่ยน้อยกว่า 100 ปี) กับคำว่า "เราเกิดมาสร้างบารมี"
และที่สำคัญ หลวงพ่อ เผยความในใจออกมาเมื่อปี 2542 ที่ท่านป่วยหนัก ใส่ผ้าปิดปาก ใส่ปลอกค้ำคอ นั่งรถเข็น หลวงพ่อบอกกับลูก ๆ ด้วยเสียงสั่นเครือว่า "หลวงพ่อจะตายในผ้าเหลือง " "ฝากวัด ช่วยกันดูแลวัด อย่าทิ้งวัดที่เราช่วยกันสร้างมานะ" http://winne.ws/n14508
ชีวิตนักสร้างบารมี ยุคกัปไขลง (อายุขัยเฉลี่ยมนุษย์น้อยกว่า 100 ปี) กับคำว่า "เราเกิดมาสร้างบารมี"
"เราเกิดมาสร้างบารมี"
ประโยคนี้ เห็นมีที่เดียวคือ ที่วัดพระธรรมกาย ขึ้นป้ายให้สาธุชนเดินรอดข้ามสะพานไปสภาหลังคาจาก เมื่อหลายสิบปี ที่ผ่านมา
ถ้าไม่พบวัดพระธรรมกาย คงไม่รู้จักคำนี้แน่ !!
เพราะชีวิตก็เหมือนบุคคลทั่ว ๆ ไป ที่ต้องไปทำงาน แล้วก็กลับบ้าน ดูแลครอบครัว ขอให้ครอบครัวมีความสุข อบอุ่นด้วยการงดอบายมุขทุกประการก็น่าจะเพียงพอแล้ว
แต่แท้จริงไม่ใช่ เพราะได้พบวัดพระธรรมกาย จึงเห็นความแปลก ที่ไม่เหมือนที่อื่น
ไม่รู้จักหลวงพ่อเลย ช่วงเข้าวัดพระธรรมกายใหม่ ๆ ไม่มีชื่อท่านให้รู้จักด้วยซ้ำ
ไม่รู้จักใครเลยนอกจาก หลวงปุ่สด วัดปากน้ำภาษีเจริญ องค์เดียวที่เห็นภาพ
ป้ายวัดก็แทบไม่เห็น เพราะประตูที่มีป้ายวัด อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ที่สาธุชนเข้าวัด
ก็น่าแปลกนะ ที่ยังไปวัดอยู่สม่ำเสมอ เพราะไปแล้วมีความสุข
วัดสะอาด ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส ต่อกัน ทั้งเจ้าหน้าที่วัดที่เป็นชายและหญิงหนุ่มสาว ไม่ใช่มีแต่คนแก่ สูงอายุ หรือแม่ชีให้เราเห็น แม้แต่พระอาจารย์ก็หนุ่ม ๆ แต่เทศน์ดี เก่งด้วย
วัดพระธรรมกาย ไม่มีหมา ไม่มีมูลหมา ไม่มีร้านค้า ไม่มีเรี่ยไรเงิน อยากทำบุญก็ใส่ตู้รับบริจาค มีข้าว น้ำ อาหาร ที่เรากินเหมือน ๆ กัน และฟรี ไม่ต้องหยอดตู้ทำบุญด้วย
ที่ชอบคือ เขานั่งสมาธิพร้อมกัน เงียบเลย และแปลกมากคือ เขาสวดมนต์พร้อมกันเสียงดังกระหึ่มเลย ฟังครั้งแรก ๆ ขนลุกเลย ชอบมาก
ห้องน้ำก็สะอาด แม้เป็นห้องน้ำสังกะสีล้อมกั้นไว้ แต่ก็แยกชาย หญิง ชัดเจน ห้ามเข้าผิดเด็ดขาด
และมีถังขยะให้ใส่ สะดวก และไม่เหม็นขยะด้วย
พอภายหลัง จึงทราบว่า ทำไมไม่รู้จักชื่อหลวงพ่อธัมมชโย คุณยายฯเลย ในช่วงแรก ก็ไม่ค่อยมีใครพูดชื่อท่านให้ได้ยิน เพราะเขามาทำบุญกันจริง ๆ มานั่งสมาธิกันจริง ๆ ไม่มีอย่างอื่น และหลวงพ่อไม่ต้องการให้ลูก ๆ ติดหลวงพ่อเจ้าอาวาส แต่ขอให้ติดวัด รักวัดพระธรรมกายมากกว่า
และที่สำคัญ หลวงพ่อ เผยความในใจออกมาเมื่อปี 2542 ที่ท่านป่วยหนัก ใส่ผ้าปิดปาก ใส่ปลอกค้ำคอ นั่งรถเข็น แต่ไปทุกอาทิตย์เลยแม้ป่วยที่หน้ารัตนบัลลังก์ สภาธรรมกายสากล
วันหนึ่ง ท่านพูดกับลูก ด้วยเสียงสั่นเครือ หลังจากท่านโดนข้อหาและคดี ตามรุมท่านอยู่ว่า
"หลวงพ่อจะตายในผ้าเหลือง " ลูก ๆ นั่งฟังกันร้องไห้ระงมเลย กลัวหลวงพ่อเป็นอะไรไป
และหลวงพ่อยังบอกต่ออีกว่า "ฝากวัด ช่วยกันดูแลวัด อย่าทิ้งวัดที่เราช่วยกันสร้างมานะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูก ๆ อย่าทิ้งวัดนะ หลวงพ่อฝากด้วย"
เสียงลูก ๆ นั่งร้องไห้ระงม เช็ดน้ำตากันถ้วนหน้า
คำว่า "อย่าทิ้งวัด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฝากวัดที่เราช่วยกันสร้างมา เขาคงอยากจะเล่นงานหลวงพ่อองค์เดียว ฉะนั้น ลูก ๆ อย่าทิ้งวัดนะ" มาปรากฏก้องในใจชัดแจ่มขึ้นอีกครั้ง เมื่อวันนี้มาถึง
วันที่รัฐบาล ใช่อำนาจกฎหมาย โดยสั่งนำกำลังตำรวจ ทหาร และดีเอสไอ มาปิดล้อมวัดพระธรรมกาย อยู่นานถึง 23 วัน"
และเหตุการณ์เหล่านั้น ก็ผ่านไปแล้ว เห็นลูก ๆ หลวงพ่อจำนวนมาก ทิ้งบ้านเป็นเดือน ๆ ทิ้งครอบครัว ทิ้งบุคคลอันเป็นที่รัก ทิ้งอาชีพที่ต้องหารายได้จุนเจือครอบครัว มาอยู่วัด อย่างไม่อาลัยใยดี
เขาก็รักครอบครัวนะ แต่เขารักวัด รักหลวงพ่อ รักพระพุทธศาสนา มากกว่า
นี่แหละ อะไรบางอย่างที่สำคัญ แต่ไม่เร่งด่วน ก็วางไว้ก่อนได้ แต่ที่เร่งด่วนและสำคัญต้องรีบทำสิ่งนั้นก่อน
และคำพูดของหลวงพ่อ ซึ่งตอนนี้ ลูก ๆ ไม่มีใครรู้ว่า ท่านอยู่ไหน ? คดีความมีอายุตั้ง 15 ปี อีกนานเท่าไร ? ลูก ๆ จึงจะได้เห็นหน้าที่แท้จริงของพ่ออีกครั้ง แต่เราก็มีท่านอยู่ในใจเสมอมา ไม่เคยขาดท่านเลยแม้เพียงวันเวลาเดียวก็ว่าได้
ศิษย์วัดพระธรรมกาย หลายคนบอกว่า ขอให้หลวงพ่อเอาตัวรอดไปเถอะ อย่าห่วงวัด ห่วงพระพุทธศาสนาเลย เพราะลูก ๆ จะช่วยกันอย่างสุดชีวิตกันเลย
แม้เวลานี้ จะคิดถึง หลวงพ่อ ก็ดูในยูธูบกันเอา ดูในวิดิโอเก่า ๆ กันเอาก็ยังพอทนได้
ศิษย์วัดพระธรรมกาย เหมือนขาดพ่อที่เรารักที่สุด ปานเป็นสิ่งสำคัญในดวงใจไปกระนั้น
แต่ก็ฝืนยิ้มให้กันและกัน เพราะเราเชื่อว่า อย่างไรเสีย สิ่งที่ดีงามและความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อ ต้องชนะความไม่ยุติธรรม สักวัน..
และลูก ๆ ก็ไม่มีวันจะทิ้งวัด ตามคำที่หลวงพ่อเคยบอกไว้ เมื่อกว่า 18 ปี ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน...
ศิษย์ก้นกุฏิ
2 เม.ย. 2560