ผอ.หลักสูตรสันติศึกษา มจร. แนะพระธรรมทูตยุคดิจิทัลร่วมสร้างโลกสันติ
ผอ.หลักสูตรสันติศึกษา มจร แนะยุทธศาสตร์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตในยุคดิจิทัล ต้องรู้เขา รู้เขา รู้โลก ด้วยสติ สมาธิ และสันติ แล้วสร้างโลกให้มีสติ สมาธิและสันติ เราจึงพัฒนาหลักสูตรพวกนี้ จับมือกับยุโรปอเมริกา http://winne.ws/n15936
ก่อนจะมีพิธีประทานเกียรติบัตรและปิดโครงการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ รุ่นที่ 23 ประจำปี 2560 ณ อาคารมวก 48 พรรษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครอยุธยา ซึ่งดำเนินการโดยวิทยาลัยพระธรรมทูต มจร ซึ่งมีพระโสภณวชิราภรณ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ มจร เป็นผู้อำนวยการ ในช่วงบ่ายของวันที่ 27 พ.ค.2560
พระมหาหรรษา ธัมมหาโส (นิธิบุณยากร) ผู้ช่วยอธิการบดี มจร ฝ่ายวิชาการ ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา,วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ(IBSC) ,สำนักงานเลขานุการ(IABU) บรรยายถวายความรู้เรื่อง "ประสบการณ์ในการอยู่ต่างประเทศ"
ช่วงเช้าพระโสภณวชิราภรณ์ ได้นิมนต์พระมหาหรรษา ธัมมหาโส (นิธิบุณยากร) ผู้ช่วยอธิการบดี มจร ฝ่ายวิชาการ ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา,วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ(IBSC) ,สำนักงานเลขานุการ(IABU) บรรยายถวายความรู้เรื่อง "ประสบการณ์ในการอยู่ต่างประเทศ"
พระมหาหรรษา ระบุว่า "คำถามสำคัญต่อการออกไปทำหน้าที่เป็นพระธรรมทูตเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศต่างทั่วโลก "โลกต้องการอะไร เรากำลังจะไปไหน ที่ไปอยู่ตอนนี้ถูกทางไหม ถ้าจะไปให้ดีกว่านี้ เพื่อตอบโจทย์ของโลก ควรทำอย่างไร ท่ามกลางประชากรโลกกว่า 7,300 ล้านคน "
เขาเพื่อนำเสนอเรา: เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา
ต้องรู้ภาษากับวัฒนธรรม
ต้องเรียนภาษา เพราะภาษาเป็นกุญแจเปิดจากประตูหนึ่งไปสู่อีกห้องหนึ่ง จากประเทศไทย สู่ประเทศยุโรป อเมริกา เอเซีย อาเซียน ดาไลลามะส่งลูกศิษย์ไปเรียนภาษา ทำไมพระพุทธเจ้าใช้ภาษาบาลี หรือภาษามคธเผยแผ่ไม่ใช้สันสกฤต โดยเสรด็จกลับมาที่มคธ และเปิดพื้นที่ด้วยโอวาทปาติโมกข์/. และทำไมจำพรรษาอยู่สาวัตถีถึง 25 พรรษา วิเคราะห์เชิงภูมิรัฐศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ฉะนั้น การจะเข้าใจภาษาได้อย่างลึกซึ้ง ไม่มีหนทางใดจะดีไปกว่าการศึกษาและเรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างและหลาก แล้วอะไรเป็นที่มาของการเข้าใจวัฒนธรรม นั่นคือ ศาสนา วัฒนธรรมภาษา วัฒนธรรมการกิน วัฒนธรรมการขึ้นรถ วัฒนธรรมการใช้ชีวิต
มส.เปิดประชุมพระธรรมทูต 22 ประเทศ สายหลวงปู่ชา
ต้องรู้ประวัติศาสตร์/สังคมศาสตร์/ภูมิรัฐศาสตร์
ออกุส ก๊อง แบ่งสังคมออกเป็น 3 ยุค ยุคเทววิทยา ยุคอภิปรัชญา และยุควิทยาศาสตร์ ยุโรปต้องการ Free from Religions เพราะปัญหาจากยุโรปสมัยกลาง หรือยุคมืด (Dark age) ยุคล่าอาณานิคมแบบ 3 G คือ Gold God Glory เป็นแนวทางที่ยุคล่าอาณานิคมที่แสวงหาความมั่งคั่ง จะใช้ศาสนามาร่วมเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนความเชื่อของคน โดยเอาอำนาจมาบีบ รวมถึงเอาผลประโยชน์มาเหนี่ยวนำ ตอนนี้ธรรมทูตกำลังกำลังนำสารซึ่งเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้า ไปเผยแพ่ในเอเซีย ยุโรปและอเมริกา รวมถึงทวีปอื่นๆ
มส.เจริญศาสนสัมพันธ์กับบาทหลวงลอนดอน
วิกฤตของโลก คือโอกาสของเรา
(1) โลกดิจิทัล มนุษย์สมัยใหม่ โลกแห่งการแชร์ ไม่ต้องการครอบครองหรือเป็นเจ้าของ แต่ต้องการใช้ของที่ดีที่สุด พระพุทธศาสนาคือของที่ดีที่สุด สอนให้ไม่ต้องการให้ครอบครองหรือไม่ต้องการให้เป็นเจ้าของ
(2) โลกสมัยใหม่ โลกของผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุล้นโลก เกิดน้อยกว่าตาย ผู้สูงอายุโดดเดี๋ยว ต้องการที่พึ่งพิง ต้องการโลกหน้า สนใจการความสงบ ความการเรื่องของภาพกายใจ
(3) โลกกำลังเข้าสู่สงครามและความรุนแรง เป็นยุคมิคสัญญี ใช้ความรุนแรงในการจัดการความขัดแย้ง ขาดความอดทน ไม่สนใจเพื่อนรอบข้าง
(4) โลกพึ่งพาเทคโนโลยี สนใจโทรศัพท์มากกว่าคนใกล้ตัว และพึ่งพาปัจจัยภายนอก เปลี่ยวเหงา เข้าไม่ถึงความสุขภายใน
(5) โลกวัตถุนิยม เสพจนเซ เสพจนสำลัก เสพจนหัวปักหัวปำ กามสุขัลลิกานุโยค จนหนีไปปีนเขา ปฏิเสธวัตถุ ปล่อยวางวัตถุ หันไปหาความหมายของชีวิต
(6) ผู้นับถือศาสนาเทวนิยมในโลก กำลังเผชิญหน้ากัน กลุ่มหนึ่งตีความศาสนาไปรับใช้วัตถุนิยม กลุ่มหนึ่งตีความศาสนาไปสนองตอบต่อสงครามและความรุนแรง ศาสนาพุทธคือทางสายกลาง
โอกาสของเราคืออะไร??
โลกต้องการสติ โลกต้องการสมาธิ โลกต้องการสันติ เรียนรู้กรรมฐาน ฝึกสมาธิ พัฒนาสติ ให้พอเพียง แล้วหยิบยื่นสิ่งที่เขาต้องการ สิ่งที่เขาโหยหา สิ่งที่เสริมสร้างคุณค่าภายใน เราจึงพัฒนาหลักสูตรพวกนี้ จับมือกับยุโรปอเมริกา ทำเรื่องพวกนี้ ฮังการี อังกฤษ นาโรปะ
หัวใจสำคัญในการทำงานพระธรรมทูตคือ "ปริยัติยอด ปฏิบัติเยี่ยม เปี่ยมกรุณา หยิบยื่นพุทธปัญญาแก่ชาวโลก" โดยการส่งสารแห่งสันติสุขแก่ชาวโลก ตามพุทธปณิธานที่ว่า "เธอทั้งหลาย จงเที่ยวไป เพื่อความเกื้อกูล เพื่อความสุข เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก"
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก