เกิดอะไรขึ้นในวันที่ไอน์สไตน์ค้นพบทฤษฏีสัมพันธภาพ
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้ ได้เคยกล่าวถึงพระพุทธศาสนาของเราด้วยความเคารพว่า "ถ้าจะมีศาสนาใด ซึ่งจะเข้ากันได้กับแนวคิดของวิทยาศาสตร์ ศาสนานั้นก็คือศาสนาพุทธ" http://winne.ws/n16001
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้ ได้เคยกล่าวถึงพระพุทธศาสนาของเราด้วยความเคารพว่า
"If there is any religion is acceptable to the scientific mind, it is Buddhism."
"ถ้าจะมีศาสนาใด ซึ่งจะเข้ากันได้กับแนวคิดของวิทยาศาสตร์ ศาสนานั้นก็คือศาสนาพุทธ"
("รู้รอบตัว" ฉบับที่ 11 พฤศจิกายน 2529)
ความลึกลับซับซ้อน...ของทฤษฏีสัมพันธภาพ ทำให้ผู้คนทั่วไปที่ไม่สนใจอย่างจริงจัง สามารถเข้าใจทฤษฏีนี้ได้โดยยาก ซึ่งเป็นที่น่าประหลาดใจตรงตัวทฤษฏีเอง กลับมีสมการที่ไม่ลึกซึ้งซับซ้อนอะไรเลย โดยเฉพาะ E = mc2 แต่เป็นความจริงที่สุดแสนจะพิสดาร และได้มาอย่างอัศจรรย์อีกด้วย!
ซึ่งไอน์สไตน์กล่าวเองเลยว่า:
"สิ่งที่เขาพบที่สำคัญ ๆ ค้นพบตอนจิตสงบนิ่ง ไม่ใช่ตอนเครียดอยู่กับการคิดโน่นคิดนี่ หรือเขียนสมการอะไรต่าง ๆ นา ๆ ปรากฏว่าความรู้เกิดขึ้นตอนที่จิตสงบนิ่งจริง ๆ"
(วิทยาศาสตร์ของการฝึกจิต โดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา)
และเขายังได้กล่าวอีกว่า:
"ทฤษฎีสัมพัทธภาพไม่ได้เกิดขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลจากที่ใด แต่เกิดจากการหยั่งรู้จากภายใน (Intuition) ของตัวเขาเอง!"
(สมาธิ 2,000 โดย เกียรติวรรณ อมาตยกุล)
เบเนส ฮอฟมันน์ ได้กล่าวถึงการได้ร่วมงานกับไอน์สไตน์ว่า...
ปี ค.ศ.1937 นักฟิสิกส์ชาวโปแลนด์ ชื่อเลโอโปลด์ อินเฟลด์ กับผมได้ขอทำงานร่วมกับเขา "สมาธิอันกล้าแข็งและล้ำลึกของเขาเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ยิ่ง" บ่อยครั้งที่เมื่อเราผจญกับปัญหายาก ๆ เข้า เขาจะลุกขึ้นยืน วางกล้องยาเส้นลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เริ่มเดินกลับไปกลับมาช้า ๆ
ท่าที่เคลิ้มฝัน...เหมือนกำลังตกห้วงภวังค์! จะปรากฏขึ้นในสีหน้าของเขา คิ้วไม่ขมวดมุ่น "คงมีแต่การสื่อสารภายในที่สงบเท่านั้น" เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ แล้วทันใดนั้นไอน์สไตน์ก็หยุดเดิน "ใบหน้าผ่อนคลายลงเป็นรอยยิ้มอันนุ่มนวล...เขาได้พบวิธีการแก้ปัญหาแล้ว!" บางคราวมันเป็นวิธีพื้น ๆ เสียจนอินเฟลด์กับผม อยากจะเตะตัวเองที่ดันนึกไม่ออก
สิ่งอัศจรรย์ดำเนินไป...ในจิตใจอันลึกล้ำของไอน์สไตน์ด้วยกระบวนการที่เราไม่อาจหยั่งถึง!
(อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ โดย เบเนส ฮอฟมันน์)
หมายเหตุ: การทำสมาธิในพระพุทธศาสนา สามารถกระทำได้ทุกอิริยาบถทั้งนั่ง-เดิน-ยืน-นอน (ทั้งหลับตาลืมตา) วิธีการทำสมาธิโดยการเดิน ในพระพุทธศาสนา เรียกว่า "การเดินจงกรม" ลักษณะของไอน์สไตน์คล้ายกับการเดินจงกรมมาก เพราะผ่อนคลายและสงบ ไม่ได้หน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกำลังเค้นสมองครุ่นคิดอย่างทั่วไป
ตอนฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ.1905...
ก่อนที่ไอน์สไตน์จะค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพนั้น ไอน์สไตน์ต้องใช้ความคิดอย่างหนักตลอดเวลา! ทำให้เขาต้องเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ เขาไม่สามารถที่จะรับประทานอาหารได้อย่างเหมาะสมและไม่สามารถนอนหลับได้อย่างเพียงพอ
แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ...ไม่ว่าเขาจะพยายามเพ่งความคิดอย่างไร ความคิดของเขาก็ยังคงกระจัดกระจาย...ทั้ง ๆ ที่เขาได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว มันก็ไม่มารวมกัน "ความคิดเหล่านั้นไม่ยอมมาผนึกรวมกันเป็นทฤษฏีที่มั่นคง" อย่างที่เขามั่นใจว่าต้องมีอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ดูเหมือนไม่มีทางก้าวหน้าต่อไป...เขามาถึงทางตัน!
วันหนึ่ง...
ขณะที่เขากำลังเดินกลับสำนักงานสิทธิบัตร เขาสารภาพกับเบสโซว่า "ผมตัดสินใจทิ้งมันแล้วทฤษฏีที่ว่านั้น" แล้วคืนนั้นเขาเข้านอนอย่างคนสิ้นหวัง แต่ในขณะเดียวกัน "ก็รู้สึกโล่งใจแปลก ๆ และเข้านอนในสภาพไม่หลับแต่ไม่ตื่นเต็มที่"
เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้น...
ไอน์สไตน์ได้บรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาเอาไว้ว่า "คำตอบเกิดขึ้นกับผมอย่างปุ๊บปั๊บ...ผมได้ทฤษฏีสัมพันธภาพ!" จากนั้นเขาก็ได้เขียนบทความครั้งแรกยาวถึง 31 หน้า "เพื่ออธิบายความรู้ที่เกิดขึ้น...เพียงแค่แวบเดียวนี้!"
Cr.วิชชา สุวิเชียร์
อ้างอิง: หนังสือวารสารกัลยาณมิตร ฉบับเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2544 หน้า 183-185