บุญ คืออะไร ?? บางที..ชาวพุทธเอง ก็ลืมคำตอบไปแล้ว...
แม้เรายังไม่เห็นบุญ แต่เราก็สัมผัสกระแสบุญได้ เช่น เวลา ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา บุญจะหลั่งไหลมาสู่ใจเรา ทำให้เราสบายใจ จิตใจผ่องใส ความรู้สึกเหล่านี้คืออาการของบุญ ซึ่งเปรียบได้กับกระแสไฟฟ้าที่มองไม่เห็น แต่เวลาเปิดสวิตช์ http://winne.ws/n16070
บุญ คือ พลังงานอย่างหนึ่ง ซึ่งสะอาดบริสุทธิ์ ละเอียด ประณีต และทรงพลังอย่างยิ่ง เป็นเครื่องชำระล้างใจ ให้ใสสะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ห่างไกลจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย น่าเสียดายที่คนทั่วไปมองไม่เห็นบุญ จนบางคนไม่เชื่อว่าบุญมีจริง แต่ผู้ ปฏิบัติธรรม จนบรรลุธรรมขั้นสูงแล้วสามารถเห็นบุญและบาปได้ ดังที่ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ภาษีเจริญ ได้กล่าวยืนยันไว้ว่า บุญ บาป มีจริง ๆ อยู่ในตัวของเรานี่เอง ดังนี้
“..บุญ เป็นดวงใส ๆ ติดอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์ ..บาป เป็นดวงดำ ติดอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์เช่นกัน..”
แม้เรายังไม่เห็นบุญ แต่เราก็สัมผัสกระแสบุญได้ เช่น เวลา ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา บุญจะหลั่งไหลมาสู่ใจเรา ทำให้เราสบายใจ จิตใจผ่องใส ความรู้สึกเหล่านี้คืออาการของบุญ ซึ่งเปรียบได้กับกระแสไฟฟ้าที่มองไม่เห็น แต่เวลาเปิดสวิตช์ ก็จะมีกระแสไฟเข้าไปทำให้เครื่องไฟฟ้าทำงานเกิดเป็นแสงสว่างในหลอดไฟ ความเย็นในตู้เย็น หรือความร้อนในเตารีดไฟฟ้า เป็นต้น
เรื่องกระแสบุญนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เคยตรัสไว้ในปฐมปุญญาภิสันทสูตรว่า เวลาบุญเกิดขึ้นจะมีลักษณะเป็นสายธาร เหมือนท่อธารแห่งบุญไหลไปยังผู้ทำบุญ ดังนี้ “เมื่อภิกษุบริโภคจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจัย ของทายกใด แล้วเข้าเจโต สมาธิ (Meditation) ท่อธารบุญกุศล ย่อมไหลไปสู่ทายก (ผู้บริจาคทาน) นับประมาณมิได้ นำสุขมาให้ ให้ผลอันเลิศ มีสุข เป็นวิบาก ดุจแม่น้ำทั้งหลายไหลลงสู่ทะเลฉะนั้น” (มก. ๓๕/๑๗๘)
ทางมาแห่งบุญมีถึง 10 ประการ เมื่อเราทำบุญอย่างหนึ่งอย่างใด 10 ประการต่อไปนี้ บุญก็จะบังเกิดขึ้นกับเรา
1. ทานมัย บุญจากการทำทาน
2. สีลมัย บุญจากการรักษาศีล
3. ภาวนามัย บุญจากการเจริญสมาธิภาวนา
4. อปจายนมัย บุญเกิดจากการอ่อนน้อมถ่อมต้น
5. เวยยาวัจจมัย บุญจากการช่วยเหลือการงานที่ถูกที่ควร
6. ปัตติทานมัยบุญจากการอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้อื่น
7. ปัตตานุโมทนามัยบุญจากการอนุโมทนา
8. ธัมมัสสวนมัยบุญจากการฟังธรรม
9. ธัมมเทสนามัยบุญจากการแสดงธรรม
10. ทิฏฐุชุกัมม์ บุญจากการทำความเห็นให้ตรงความเป็นจริง
มีบุญสำเร็จทุกอย่าง ทุกครั้งที่ทำความดี เช่น ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา จะเกิดกระแสบุญมารวมกันเข้าเป็นดวงบุญ ซึ่งมีอานุภาพดึงดูดสมบัติทั้ง 3_คือ รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ให้เกิดขึ้นกับเราได้
อานุภาพพบุญนั้นยิ่งใหญ่สุดประมาณ ช่วงไหนเรามีบุญมาก และบุญกำลังส่งผล สมบัติต่างๆ ก็จะหลั่งไหลมาหาเราแต่เมื่อไรเรามีบุญน้อย หรือหมดบุญ สมบัติที่มีอยู่ก็จะค่อยๆลดน้อยลงไป เพราะไม่มีบุญที่จะดึงดูดสมบัติมาได้ดังเดิม และเมื่อเราทำความชั่ว มีความโลภ หรือความตระหนี่เกิดขึ้น ก็จะเกิดกระแสกิเลสขึ้นมาผลักสมบัติทั้ง 3 ให้พลัดพรากจากเราไป
คุณยาย อาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้ให้กำเนิด วัดพระธรรมกาย เคยกล่าวเปรียบเทียบไว้ว่า บุญเปรียบเสมือนน้ำในคลอง บาปเสมือนตอที่อยู่ใต้น้ำ ชีวิตเปรียบเสมือนเรือที่แล่นไปบนน้ำ ถ้ามีบุญมากก็เสมือนน้ำในคลองมาก บาปกุศลที่เปรียบดังตอที่อยู่ใต้น้ำก็ทำอะไรไม่ได้ เรือก็แล่นไปได้อย่างสะดวก เหมือนชีวิตที่ราบรื่นก้าวหน้า ถ้าบุญน้อยก็เสมือนน้ำน้อย ต่อก็ผุดเรือก็ติด จะประกอบธุรกิจการงานใดๆ ก็ติดขัดไปหมด คุณยายท่านยังได้กล่าวไว้อีกด้วยว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กำลังบุญ มีบุญอย่างเดียว อะไรๆก็สำเร็จหมด”
บุญจึงเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสุขและความสำเร็จทั้งปวงของมนุษย์
อ่านต่อได้ที่: https://www.dmc.tv/pages/แก้กรรม-รู้ทันวิบากกรรม/ชีวิตออกแบบได้-ตอนบุญคือมิตรแท้.html