อัศจรรย์ 3 วัน 3 คืน ใต้เมืองบาดาลกับหลวงปู่คำคะนิงพระผู้ทรงญาณแห่งแดนอีสาน (ตอน 2)

หลวงปู่คำคะนิงท่านเดินทางไปถ้ำมืดของชาวยังบดเพื่อพิสูจน์เรื่องเล่าจากชาวบ้านที่เห็นสิ่งลึกลับ ที่ชาวบ้านต่างหวาดกลัวไม่กล้าเข้าไปพิสูจน์ เพราะมีผู้ลองดีแต่ก็มีอันเป็นไปต่าง ๆ นา ๆ แล้วท่านก็เจอเรื่องอัศจรรย์ของอีกภพ http://winne.ws/n6528

676 ผู้เข้าชม
อัศจรรย์ 3 วัน 3 คืน ใต้เมืองบาดาลกับหลวงปู่คำคะนิงพระผู้ทรงญาณแห่งแดนอีสาน (ตอน 2)

"หลวงปู่ต้องการพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับถ้ำมืด” นี้ให้กระจ่างออกมา จึงได้เดินทางมายังถ้ำมืด ได้พบว่า เป็นถ้ำกว้างใหญ่มาก ถ้าติดฟืนไฟให้สว่างขึ้นในถ้ำมืดนั้นสามารถจะใช้เป็นห้องประชุมผู้คนได้เป็นหมื่น ๆ คนทีเดียว

ในถ้ำมีค้างคาวอาศัยอยู่มาก มีลำธารไหลลอดใต้ภูเขาอยู่ในถ้ำ มีบาตรโบราณเก่า ๆ บรรจุพระเครื่องหักชำรุดและผ้าไตรผุเปื่อยซุกอยู่ซอกถ้ำแห่งหนึ่ง แสดงว่ามีคนเข้ามาบูชาเอาพระเครื่องไปหรือแก้บนผีสางเทวดา

หลวงปู่คำคะนิงได้ออกเดินสำรวจดูถ้ำมืด ใช้คบไฟจุดให้แสงสว่าง สำรวจตรวจดูทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็ไม่พบว่ามีช่องทางจะทะลุเข้าไปข้างในได้อีกเลย มันเป็นถ้ำตันขนาดใหญ่ คล้ายห้องโถงที่มีทางเข้าและออกทางเดียวเท่านั้น

ที่เล่าลือกันว่า ถ้ำนี้เป็นถ้ำเมืองลับแลและมีอุโมงค์ลับลงไปใต้บาดาลเป็นเมืองพญานาคนั้นเห็นจะรู้เห็นด้วยสายตาธรรมดาไม่ได้

เพราะสิ่งดังกล่าวเป็นสภาวะทิพย์ มีความละเอียดอ่อนสุขุมยิ่งกว่าสายลม เบาบางยิ่งกว่าใยแมงมุม แต่ทว่าแข็งกล้ายิ่งกว่าเหล็กเพชร มีอานุภาพยิ่งกว่าสายฟ้า สามารถจะให้คุณและโทษแก่มนุษย์ผู้หยาบช้าจิตใจสกปรกโลภโมโทสันได้ถึงแก่วิบัติฉิบหายในพริบตา

ฉะนั้นจำจะต้องใช้อำนาจฌานสมาธิตรวจสอบด้วยทางในให้รู้แจ้งเห็นจริง

เมื่อหลวงปู่คำคะนิงนั่งเข้าฌานตรวจสอบด้วยทางใน เห็นนิมิตปรากฏสว่างจ้าขึ้นตรงมุมถ้ำด้านหนึ่ง มองเข้าไปตรงผนังถ้ำเห็นใสกระจ่างคล้ายผนังถ้ำทำด้วยแผ่นกระจก ในผนังถ้ำนั้นมีบ่อน้ำหิน ในบ่อน้ำนี้มีหินก้อนหนึ่งแช่อยู่รูปร่างคล้ายจระเข้เสียงในนิมิตบอกว่า ให้ข้ามหรือรอดให้ท้องจระเข้หินนี้เข้าไป แล้วจะพบประตูลับแลเข้าสู่ถ้ำข้างใน

เมื่อทราบแล้วดังนั้น หลวงปู่คำคะนิงจึงได้ออกจากสมาธิแล้วออกเดินสำรวจถ้ำมืดอีกครั้ง โดยตรงไปที่ผนังถ้ำที่ปรากฏเห็นในนิมิตก็พบด้วยความประหลาดใจว่า

มีหินย้อยลงมาคล้ายหลืบฉากเล็ก ๆ ซึ่งตอนแรกเดินตรวจดูอย่างละเอียดแล้วไม่ได้พบหินย้อยตรงนี้ ดูคล้ายตาเซ่อไปเองหรือไม่ก็มีอะไรบังตาไว้ยังงั้นแหละ

หลวงปู่คำคะนิงจึงนั่งยอง ๆ ลงชะโงกเข้าไปดูในซอกหลืบหินย้อยนี้ก็พบว่า เป็นซอกมุมทำเลพิกล มีรูดำมืดเข้าไป เป็นรูขนาดคนธรรมดามุตคลานเข้าไปได้ทีละคน แต่เมื่อเข้าไปแล้วจะเป็นรู้ตันหรือข้างในเป็นเหวลึกยังไม่รู้ อาจเป็นรูเข้าสู่ที่อยู่อาศัยของงูเหลือมยักษ์ก็เป็นได้

อัศจรรย์ 3 วัน 3 คืน ใต้เมืองบาดาลกับหลวงปู่คำคะนิงพระผู้ทรงญาณแห่งแดนอีสาน (ตอน 2)ขอบคุณภาพจาก www.ubu.ac.th

ธรรมย่อมรักษา

การที่จะมุดคลานเข้าไปนับเป็นการเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง แต่หลวงปู่คำคะนิงไม่เคยนึกหวาดกลัวเลย เพราะมีประสบการณ์เรื่อง มุดสำรวจถ้ำ เสี่ยงมฤตยูมาแล้วอย่างโชกโชนนับถ้ำไม่ถ้วน

ประการสำคัญที่สุดก็คือพระกรรมฐานอย่างท่านซึ่งจาริกธุดงค์อยูในป่าเขาแดนอันตรายร้อยแปดพันเก้าประการนี้ ได้อธิษฐาน “ตาย” ไว้ตั้งแต่วินาทีแรกที่สมาทานธุดงค์แล้ว

นั่นคือพร้อมเสมอที่จะตายทุกเวลา ไม่อาลัยเสียดายชีวิต ถ้ากรรมเก่าในอดีตสร้างไว้ให้ผล ก็พร้อมที่จะอุทิศสังขารร่างกายให้ตกเป็นเหยื่อของสัตว์ป่าด้วยความยินดี เพื่อชดใช้กรรมเก่าให้หมดสิ้นกันไปเสียเลยในชาตินี้ ไม่ต้องติดค้างหนี้เวรหนี้กรรมกันอีกต่อไป

พระธุดงค์ขณะตกเป็นเหยื่อเสือขบกัดหรือตกเป็นเหยื่องูเหลือม ท่านจะต้องตั้งสติให้มั่นคง กำหนดจิตให้แช่มชื่นเบิกบานใจที่ได้อุทิศร่างตัวเองให้เป็นอาหารของสัตว์นั้น ๆ

แล้วจึงแผ่เมตตาให้อโหสิสัตว์ตัวนั้นไม่ขออาฆาตจองเวร จากนั้นก็ปล่อยวางสังขารร่างกายรูปนามขันธ์ห้าโดยสิ้นเชิง เจริญวิปัสสนากำหนดอารมณ์ปัจจุบันเป็นตัวปัญญา

เมื่อจิตปล่อยวางได้แล้วเช่นนี้ ความเจ็บปวดขณะตกอยู่ในปากสัตว์ก็จะไม่มี จะมีแต่สติติดตามจิตอยู่ทุกขณะจิตเป็นอารมณ์ปัจจุบัน เมื่อวิญญาณในขันธ์ห้าดับคือสิ้นใจตาย สติก็ยังดำรงอยู่ว่าขันธ์ห้าของตนแตกดับแล้ว

ตอนนี้เองจิตในจิตหรือตัวสติปัญญา อันเป็นนามธรรม ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน สว่าง สะอาดบริสุทธิ์ ก็จะสืบต่อเป็นสันสติออกจากร่างไปสู่กระแสมรรค ผลนิพพานแดนสงบสันติสุข ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป

เมื่อพระธุดงค์ตัดสินใจพร้อมที่จะตายได้ทุกเวลาเช่นนี้จิตย่อมยังเกิดความเบาสบาย ชุ่มชื่นเบิกบาน มีความกล้าหาญอยู่ตลอดเวลา ไม่หวาดกลัวอะไรทั้งสิ้น อะไรจะเกิดขึ้นก็ให้มันเกิดขึ้น ถ้าเป็นกรรมเก่าส่งผลก็พร้อมที่จะยอมรับกรรมนั้น แต่ถ้าไม่เคยสร้างกรรมเวรไว้ในอดีต หากเผชิญอันตรายใด ๆ ธรรมะย่อมปกปักรักษาให้ปลอดภัย

สรุปแล้วพระธุดงค์ท่านเชื่อมั่นใน “พระธรรมย่อมคุ้มครองรักษาผู้ประพฤติธรรม” และเชื่อใน “กฎแห่งกรรม”

อัศจรรย์ 3 วัน 3 คืน ใต้เมืองบาดาลกับหลวงปู่คำคะนิงพระผู้ทรงญาณแห่งแดนอีสาน (ตอน 2)

ขอบคุณภาพจาก www. google. co. th

หลวงปู่คำคะนิงจึงกำหนดจิตอธิษฐานว่า สาธุ นโม อันว่านมัสการแด่พระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ อันเป็นสรณะที่พึ่งประเสริฐสูงสุด อาตมาภาพจักขออนุญาตเข้าไปในถ้ำสถานอันลึกลับแห่งนี้

ขอปวงเทพเจ้าทั้งหลาย อันมีเจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าถ้ำ ตลอดจนยักษ์ คนธรรพ์ และพญานาคทั้งหลายที่สิงสถิตอยู่ ณ ถ้ำสถานแห่งนี้ จงได้รับทราบและเปิดทางสะดวกให้แก่อาตมาภาพด้วยเถิด

อาตมาภาพอยากจะขอเข้าไปดูชมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นวาสนาบุญหูบุญตา ถ้าหากมีจริงก็ขอให้ได้ดูชมสมใจ มิได้มีเจตนาโลภโมโทสันอยากได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือทรัพย์สมบัติของพวกท่านแต่ประการใดเลย

เมื่ออธิษฐานจบแล้ว หลวงปู่คำคะนิงก็จุดเทียนเล่มใหญ่ที่เตรียมมาในย่ามหลายห่อ แล้วมุดคลานเข้าไปในรูดำมืดนั้น เข้าไปลึกประมาณสองร้อยวาก็ทะลุออก คูหาถ้ำข้างในเป็นถ้ำกว้างประมาณห้าวา เพดานสูง มีหินย้อยจากเพดานและผนังถ้ำสีขาวหม่น ๆ งดงาม บ้างเป็นพู่พวงห้อยลงมาคล้ายม่านหรือโคมระย้า พื้นถ้ำเป็นตระพักซ้อนขึ้นไปมีขั้นบันไดธรรมชาติ

บนตระพักนั้นเป็นแอ่งน้ำใสแจ๋วปานกระจกมีหินรูปร่างคล้ายจระเข้แช่ขวางอยู่ในแอ่งน้ำ ถัดลึกเข้าไปมองเห็นปากอุโมงค์ดำมืดพอที่จะคลานมุดเข้าไปได้ก็ปรากฏว่าตรงกับนิมิตในสมาธิเป็นความจริงทุกประการ

หลวงปู่คำคะนิงจึงเดินลุยลงไปในแอ่งน้ำนั้นซึ่งลึกแค่เอว พอไปถึงจระเข้หินจึงปีนป่ายขึ้นหลังมันเพื่อจะข้ามไป

แต่เป็นที่น่าประหลาดว่าจระเข้หินนั้นเคลื่อนไหวได้ มันยกตัวลอยสูงขึ้นเหนือน้ำปิดปากอุโมงค์ไว้ เอ๊ะ...นี่มันยังไงกัน ? หลวงปู่คำคะนิงแปลกใจ จึงลองเอาเท้าแหย่เข้าไปใต้ท้องจระเข้หินดูทำท่าคล้ายจะมุดลอดใต้ท้องมันไป

แปลกอีกแล้ว จระเข้หินก็จมตัวลงในน้ำไม่ยอมให้มุดลอดไปอีก นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว ต้องเป็นสิ่งลึกลับอาถรรพณ์คอยพิทักษ์รักษาปากถ้ำไว้เป็นแม่น มั่น

ท่านจึงกำหนดจิตอธิษฐานขึ้นดัง ๆ ว่า

“โอ๊ย...ผู้ข้า... ขอเข้าไปเบิ่งบูชาหูบูชาตาดอก ถ้ามีอีหยังขอเบิ่งแหน่ ไม่มีเจตนาอย่างอื่นใดดอก”

เป็นภาษาไทยอีสานมีความหมายว่า ตัวข้าหรือกระผม ขอเข้าไปดู เพื่อบูชาหูบูชาตา ถ้ามีอะไรขอดูหน่อย ไม่มีเจตนาอย่างอื่นใดหรอก

อัศจรรย์ 3 วัน 3 คืน ใต้เมืองบาดาลกับหลวงปู่คำคะนิงพระผู้ทรงญาณแห่งแดนอีสาน (ตอน 2)

ทันทีที่อธิษฐานจบลง แปลกแท้ ๆ จระเข้หินจมตัววูบลงไปกบดานอยู่ใต้น้ำราวมีชีวิต อนุญาตให้หลวงปู่คำคะนิงลุยน้ำข้ามหลังมันไปโดยสะดวก จากนั้นก็คลานมุดเข้าไปในปากอุโมงค์ดำมืดนั้น

ตอนนี้แสงเทียนยังจุดสว่างถือไว้อยู่ตลอดเวลา เทียนจะดับไม่ได้ เพราะแสงเทียนคือสิ่งบอกเตือนว่า อากาศในถ้ำมีพอหายใจหรือไม่

อุโมงค์ลาดต่ำลึกลงไปยาวประมาณสามสิบวาก็ทะลุถึงอีกคูหาถ้ำ เป็นถ้ำกว้างพอสมควรเพดานสูงโค้ง มีหินย้อยใหญ่น้อยทั้งยาวและสั้น สีต่าง ๆ เช่น น้ำตาลอ่อน ขาวนวล แดงและเหลืองรูปร่างแปลก ๆ คล้ายจีบม่านแพรเป็นริ้ว ๆ ก็มี คล้ายสายน้ำตกก็มี

สลับซับซ้อนคล้ายตำหนักที่เทพเจ้าสร้างไว้เมื่อกระทบแสงไฟเทียนจะเกิดประกายระยิบระยับดุจโรยด้วยกากเพชร สวยงามวิจิตรพิสดารมาก

หลวงปู่คำคะนิงท่านได้เดินตามอุโมงค์แก้วใต้บาดาลตามพญางูใหญ่ตัวเท่าลำตาลที่มีสีดำมะเมื่อม ไปเรื่อย ๆ และยิ่งเดินลึกไปเท่าไหร่ก็ยิ่งพบสิ่งอัศจรรย์ที่สวยงามขึ้นไป เรื่องราวจะเป็นเช่นไร โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณเนื้อหาจาก http://www.payanaka.com/content/5891/หลวงปู่คำคะนิงบุกเมืองบาดาลใต้ลุ่มน้ำโขง

ที่มา : แหล่งข่าวจาก http: // m.tnews. co.th/contents/199246/

แชร์