การเวียนว่ายตายเกิดไม่ใช่เรื่องลึกลับอีกต่อไป!!
หลักในพระพุทธศาสนาเรื่องกฎแห่งกรรมที่ว่าใครทำอะไรแล้วจะเกิดผลอย่างไร ทั้งชาตินี้ ชาติหน้า เป็นสิ่งที่โยงใยกันหากตัดตอนว่าชาติก่อนไม่มี ชาติหน้าไม่มี ตายแล้วสูญ ต้องถือว่าหลุดไปจากคำสอนในพระพุทธศาสนาเลย http://winne.ws/n7938
เรื่องการแก้กรรมที่เขาพูดกันเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน?
คำสอนเรื่องกรรม แก้กรรม เรื่องชาติก่อนชาตินี้ เป็นคำสอนหลักอย่างหนึ่งในพระพุทธศาสนา ความเข้าใจว่า โลกนี้โลกหน้ามีจริง กฎแห่งกรรมมีจริง นรกสวรรค์มีจริง คือความเชื่อที่เป็นสัมมาทิฐิพื้นฐานใครไม่เชื่อเรื่องนี้ถือว่าเป็นมิจฉาทิฐิ คือมีความเห็นผิด เข้าใจผิด เพราะคำสอน
หลักในพระพุทธศาสนาเรื่องกฎแห่งกรรมที่ว่าใครทำอะไรแล้วจะเกิดผลอย่างไร ทั้งชาตินี้ ชาติหน้า เป็นสิ่งที่โยงใยกันหากตัดตอนว่าชาติก่อนไม่มี ชาติหน้าไม่มี ตายแล้วสูญ ต้องถือว่าหลุดไปจากคำสอนในพระพุทธศาสนาเลย
เราจะพิสูจน์เรื่อง ชาติก่อน กรรม &แก้กรรมได้อย่างไร ?
ถ้าจะพิสูจน์ให้ไปเห็นชัด ๆ เลยว่า ชาติก่อนเป็นอย่างไร ก็ต้องตั้งใจนั่งสมาธิ (Meditation) เกิดญาณทัสสนะเมื่อไรไปดูด้วยตัวเองได้ ในระหว่างยังไม่เข้าถึง เราสามารถตรองคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกข้อได้ด้วยเหตุด้วยผล และจะเห็นว่าเป็นจริงทั้งหมด ไม่มีเหตุผลอะไรที่พระองค์จะทรงมาหลอกเรา และไม่เฉพาะพระองค์เท่านั้น ตั้งแต่ครั้งพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน มีพระอรหันต์จำนวนมหาศาล
พระอรหันต์เหล่านี้บางรูปเป็นพระมหากษัตริย์มาก่อน บางองค์เป็นมหาเศรษฐี เป็นมหาเสนาบดี ฯลฯ ท่านเหล่านี้สละสิ่งที่ตนเคยมีทั้งหมดไปอยู่ป่าบำเพ็ญสมณธรรม แล้วยืนยันตรงกันว่าที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนเป็นเรื่องจริง แม้ปัจจุบันผู้ที่ปฏิบัติเข้าถึงธรรมได้ก็มีอยู่ และยืนยันตรงกันมาตลอด
จริง ๆ แล้วอย่าว่าแต่ชาวพุทธเลย ในอเมริกาและยุโรปก็มีการสำรวจและพบว่าคนที่เชื่อเรื่องตายแล้วไม่สูญ ชาตินี้ชาติหน้ามีจริง มีถึง 70 - 80 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ตรงข้ามกับคำสอนในศาสนาของเขา แล้วยังมีกลุ่มที่ทำการศึกษาเรื่องนี้ ที่เป็นนักศึกษา นักวิทยาศาสตร์ รวมทีมกันไปเก็บข้อมูลที่ไหนมีคนระลึกชาติได้
เขาจะไปเก็บข้อมูลทุกอย่าง และมีการพิสูจน์ด้วย เช่น เด็กที่จำเรื่องราวในอดีตได้ ก็ทำการพิสูจน์ ซึ่งยืนยันได้ว่าไม่ใช่การแต่งเรื่องขึ้น เพราะไม่ใช่วิสัยที่เด็กอายุขนาดนี้จะแต่งเรื่องต่าง ๆ ได้ แล้วมีกรณีอย่างนี้เป็นร้อยกรณี เขารวบรวมขึ้นมาเป็นเล่ม เป็นหลักฐานว่า ชาติก่อนมีจริง
ถ้าคนเราไม่เชื่อเรื่องโลกนี้โลกหน้า จะทำบาปได้ง่าย แต่ถ้าเชื่อแล้วจะมีสติยับยั้ง มีกำลังใจทำความดี ความเชื่อเรื่องโลกนี้โลกหน้า จึงเป็นประโยชน์ต่อโลก ต่อสังคม แต่ที่สำคัญที่สุดคือมันเป็นความจริง ไม่ใช่ความเชื่อ นี้คือสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายยืนยันกับเรา
ขอนำผลวิจัยของ ศ.นพ.เอียน สตีเวนสัน ผู้ทุ่มเทการศึกษาเรื่องการระลึกชาติเป็นเวลา 47 ปี มีcase study มากกว่า 3,000 ราย มาสนับสนุนบทความข้างต้น
ศ.นพ.เอียน สตีเวนสัน ผู้ยิ่งใหญ่ในการศึกษาเรื่อง "ระลึกชาติ!"
"ชีวิตภายหลังความตาย มีอยู่จริงหรือไม่ ชีวิตสิ้นสุดที่ความตายจริงหรือ" เป็นปริศนาที่อยู่ในความสนใจของมนุษย์ทุกชาติ ทุกศาสนามาโดยตลอด นับตั้งแต่ครั้งโบราณกาล จนกระทั่งถึงทุกวันนี้
ดังนั้น การศึกษาค้นคว้าและพิสูจน์ความจริงในปริศนาเหล่านี้ จึงนับได้ว่า มีความสำคัญอย่างยิ่ง เป็นความต้องการของมวลมนุษยชาติ สมควรจะได้รับการพิสูจน์ให้ได้มาซึ่งความจริง ที่ชัดเจนและถูกต้องเสียที ถึงแม้ว่า ความจริงที่ได้ จะทำให้วิถีความเชื่อและความศรัทธาทางศาสนาสั่นคลอนก็ตาม
ด้วยเหตุที่ว่า "การศึกษาวิจัยชี้ไปที่ ความมีอยู่ของชีวิตหลังความตาย คนเราสามารถกลับชาติมาเกิดใหม่ได้ คนเราสามารถจำอดีตชาติได้ และเวรกรรมมีจริง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ตัวท่านเองก็เกิดในครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์ ท่านไม่เคยมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดมาก่อน แต่เมื่อท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์
ท่านก็ไม่ได้เอาความเชื่อทางศาสนามากีดกั้นความจริงที่พิสูจน์ได้ ตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพราะท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์ ถึงแม้ว่า ท่านจะทราบถึงธรรมชาติที่แท้จริง เกี่ยวกับวงจรชีวิตของคนเราว่า ชีวิตหลังความตายมีอยู่จริง คนเราสามารถกลับชาติมาเกิดใหม่ได้จริง คนเราสามารถจำอดีตชาติได้จริง และเวรกรรมมีจริง"
ความจริงก็คือความจริง ถ้าหากเราไม่เชื่อ และไม่ศรัทธาในความเป็นจริงแล้ว เราจะเชื่อถือสิ่งใดได้อีก
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ คณะศึกษาวิจัยในหลายประเทศ พบผู้จำอดีตชาติได้จากทั่วโลกแล้ว มากกว่า ๕,๐๐๐ ราย คำสอนของพระพุทธเจ้ากำลังได้รับการพิสูจน์แล้ว โดยวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ศาสนาพุทธกำลังได้รับการรับรอง โดยวิทยาศาสตร์ เหมือนดังคำกล่าวของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) ที่ว่า
"If there is any religion that could cope with modern scientific needs it would be Buddhism."
หมายถึง "ถ้าจะมีศาสนาใด ที่รับมือกับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ปัจจุบันได้ ศาสนานั้นก็น่าจะเป็นศาสนาพุทธ"
ศ.นพ.เอียน สตีเวนสัน (Ian Stevenson, M.D.) นักวิทยาศาสตร์ที่ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ “การจำอดีตชาติได้” และ “การกลับชาติมาเกิด” มานานกว่า ๔๗ ปี
นสพ.วอชิงตันโพสต์ ของสหรัฐอเมริกา ได้สดุดีว่า “ท่านเป็นบุคคลที่ทำการค้นคว้าหาหลักฐาน เกี่ยวกับการจำอดีตชาติได้อย่างมีหลักการ ยากที่จะปฏิเสธได้”
นสพ.เทเลกราฟ ของอังกฤษ กล่าวว่า “ท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในการศึกษาเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ในยุค ๒๐๐๐”
มีวิธีตัดกรรมแก้กรรมตามหลักพระพุทธศาสนาบ้างไหม? อย่างไร?
วิบากกรรม เกิดจากสิ่งที่เราเคยทำไว้ในอดีต แล้วเกิดเป็นผลบาปตามมา จะแก้ไขต้องเอาบุญแก้
1...ให้เราสร้างบุญ ทั้งทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา สิ่งนี้ช่วยเราได้อยู่แล้ว ขอให้อยู่ในบุญ เท่านั้นประการสำคัญอย่ามุ่งแต่เพียงว่าจะไปแก้ไขวิบากกรรมในอดีต
2...ที่สำคัญคือต้องระวังอย่าไปสร้างเหตุที่ไม่ดีในปัจจุบันด้วย (อย่าสร้างกรรมใหม่) อะไรที่ไม่ดีอย่าทำ
สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งคือ
3...อกุศลกรรม 10 ประการ คือ การฆ่าสัตว์ เบียดเบียนรังแกสัตว์, ลักทรัพย์, ประพฤติผิดในกาม ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น, โกหกหลอกลวง, พูดส่อเสียด ยุยงให้แตกความสามัคคี, พูดคำหยาบ, พูดเพ้อเจ้อ, โลภอยากได้ของของผู้อื่น, คิดร้าย ปองร้ายผู้อื่น, เห็นผิดจากทำนองคลองธรรม
มีคำกล่าวที่ จำได้ง่าย เข้าใจง่าย และนำไปใช้ได้ง่ายเช่นเดียวกัน ดังนี้
1..อดีตที่ผิดพลาดลืมไปให้หมด(หมายถึงความผิดพลาดหรือบาปกรรมที่เคยทำในอดีตลืมให้หมด อย่าไปคิดถึง)
2..บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มอีกเด็ดขาด(แล้วก็อย่าทำบาปกรรมอีก)
3..หมั่นนึกถึงบุญที่ได้สั่งสมมาทั้งหมด(หมั่นสร้างบุญและระลึกนึกถึงบุญอยู่เรื่อยๆ)
4..บุญทุกชนิดให้ทำเพิ่มขึ้นให้ทับทวี (แล้วก็หมั่นสร้างบุญให้เข้มข้นเลยทีเดียว)
5..ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน(ที่สำคัญให้หมั่นปฏิบัติธรรมให้ต่อเนื่อง)
5 ข้อนี้เป็นการแก้กรรม ด้วยการเติมบุญให้มากๆ ถามว่าบาปกรรมหายไปหรือไม่ "ยัง" แต่เจือจางด้วยบุญกุศล ก็ต้องเจือจางไปเรือย ๆ ถ้าจะให้แก้จริง ๆ ก็ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงธรรมะภายใน นั่นแหละบุญมหาศาล
สมัยนี้มีเรื่องที่ต้องระวังอย่างหนึ่ง เมื่อก่อนโอกาสพูดคำหยาบมีไม่มาก เพราะพูดแล้วกลัวเขาโกรธ เดี๋ยวเราจะเดือดร้อน แต่ตอนนี้เทคโนโลยีพัฒนาไปไกล โอกาสที่จะพูดคำหยาบโดยไม่ถูกโจมตีกลับจัง ๆ มีมากขึ้น เช่น การไปให้ความเห็นในเว็บบอร์ด ให้ความเห็นท้าย
***ข่าวในอินเทอร์เน็ต เป็นต้น เขียนว่าเขาไปแล้วคนอ่านไม่รู้ว่าใครเขียน ดังนั้นเราจะเห็นว่า สำนวนในอินเทอร์เน็ตใช้คำค่อนข้างแรง เพราะผู้เขียนเหมือนไม่ต้องรับผิดชอบเลย อยากว่าใครก็ว่าได้เลยและถ้าไม่มีความผิดจริง ๆ ตำรวจไม่มาสืบจริง ๆ อาจจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนว่า
แต่กฎแห่งกรรมส่งผลเสมอ แม้นึกว่าไม่มีใครรู้ เราคงไม่ต้องรับผลแห่งการกระทำ จริง ๆ แล้วต้องรับ เพราะไม่มีอะไรหนีพ้นกฎแห่งกรรม กฎแห่งกรรมศักดิ์สิทธิ์กว่ากฎหมายบ้านเมืองเสียอีกน่ากลัวกว่าด้วย แล้วถ้าเราเกิดเข้าใจผิด ผสมโรงโจมตีไปกับเขาด้วย ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นอย่างที่เราเข้าใจ วิบากกรรมเกิดขึ้นหนักเลย ยิ่งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทางศาสนา ไปตำหนิติติง โจมตีวิจารณ์ผู้ทรงศีล วิบากกรรมยิ่งหนัก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบอกว่า ผู้ประทุษร้ายบุคคลที่ไม่ประทุษร้าย ผลแห่งวิบากย่อมกลับมาสู่ผู้กระทำเอง เหมือนคนเอาธุลีพุ่งซัดทวนลมไป ธุลีจะปลิวมาเต็มหน้าเราเอง ฉะนั้นอย่าทำเด็ดขาด ถ้าไปเห็นผลของวิบากกรรมด้วยตัวเอง จะรู้ว่าน่ากลัวมากไม่คุ้มเลย
http://www.komchadluek.net/news/lifestyle/27783
https://sites.google.com/site/thaireincarnation/Ian-Stevenson