“ธรรมกาย” คือ กายตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
“ธรรมกาย” คือ กายตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, “วิชชา” แปลว่า ความรู้แจ้ง, “วิชชาธรรมกาย” แปลว่า ความรู้แจ้งเรื่องธรรมกาย, หมายถึง ความรู้แจ้งที่เกิดจากการเห็นแจ้งด้วยธรรมจักขุของพระธรรมกาย อันเป็นแก่นแท้ดั้งเดิมของพระพุทธศาสนา http://winne.ws/n13709
ดังที่ตัวผม นายฉลามเขียว ได้เขียนไว้แล้วว่า วัดพระธรรมกาย คลองหลวง ปทุมธานี ต้องมีดีสิ เพราะมีคนมากหมายหลายล้านคนทั่วโลก เลื่อมวสศรัทธาและเข้าร่วม ซึ่งในประเทศไทยเอง ในที่นั่งแถวหน้านั้น มีคนดี คนเด่นคนดังในสังคมไทย ที่ล้วนเป็นผู้มีฐานะในขั้นมหาเศรษฐีได้เข้าร่วมด้วยจิตใจบริสุทธิ์ ผมจึงนำคำกล่าวของท่าน ผบ.ทบ. พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท มาลงเอาไว้ว่า “เมื่อมีการเริ่มต้น ก็ต้องมีจุดจบ” โดยผมขอท่านว่า ขอให้จบลงตรงที่
“ให้ส่วนดีของธรรมกายคงไว้...ตลอดไป”
ชาวธรรมกายทั่วโลกจะต้องมีสิทธิเสรีภาพอันงดงามยิ่งในการนับถือศาสนาพุทธ และมีสิทธิเสรีภาพอันยิ่งใหญ่ในการเลือกประกอบกิจกรรมศาสนาของตัวเอง
ตัวผมไม่ได้เป็นศิษย์ธรรมกาย ไปไม่เคยเข้าวัดนี้ แต่ผมก็สนใจครับ และใช้การอ่านเพื่อทำให้ตัวเองเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้ผู้คนมหาศาลนับถือธรรมกาย ก็ได้พบกับคำหนึ่งที่คนไทยก็คงได้ยินอยู่แล้ว “วิชาธรรมกาย”
ผมนำข้อมูลมาจาก เว็บไซต์ของ DMC (ผู้สนใจอ่านเพิ่มเติมที่นี่)
95 ปี วิชชาธรรมกาย
“ธรรมกาย” คือ กายตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, “วิชชา” แปลว่า ความรู้แจ้ง, “วิชชาธรรมกาย” แปลว่า ความรู้แจ้งเรื่องธรรมกาย, หมายถึง ความรู้แจ้งที่เกิดจากการเห็นแจ้งด้วยธรรมจักขุของพระธรรมกาย อันเป็นแก่นแท้ดั้งเดิมของพระพุทธศาสนา สามารถกำจัดทุกข์ได้เป็นชั้นๆ จนหมดกิเลส เข้าถึงบรมสุข คือ พระนิพพาน
คำว่า “ธรรมกาย” มีการพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เมื่อพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ได้ปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิ(Meditation)ภาวนาจนได้บรรลุธรรมกาย เมื่อวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปี พ.ศ. 2460 ณ วัดโบสถ์บน ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ในกลางพรรษาที่ 12 ของท่าน หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ เกิดในสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านจึงตัดสินใจออกบวช เมื่ออายุได้ 22 ปี ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2449 ณ วัดสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี โดยมีพระอาจารย์ดี วัดประตูสาร เป็นพระอุปัชฌาย์
นับแต่วันแรกที่บวชท่านก็เริ่มฝึกธรรมปฏิบัติทุกวันตลอดมา ควบคู่ไปกับการเรียนคันถธุระ หลังจากบวชได้ 7 เดือนเศษ จึงเข้ามาเรียนในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามเป็นเวลาถึง 11 พรรษา จนเชี่ยวชาญภาษาบาลี เมื่อสามารถแปลคัมภีร์มหาสติปัฏฐานได้ดังที่เคยตั้งใจแล้ว จึงตั้งใจปฏิบัติวิปัสสนาธุระอย่างจริงจัง
ท่านได้มีโอกาสศึกษาธรรมปฏิบัติจากพระอาจารย์หลายท่าน ดังนี้ พระอาจารย์โหน่ง อินฺทสุวณฺโณ วัดสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี, หลวงปู่เนียม วัดน้อย จ.สุพรรณบุรี, พระสังวรานุวงษ์ วัดราชสิทธาราม กรุงเทพฯ, พระครูญานวิรัติ (โป๊) วัดพระเชตุพนฯ กรุงเทพฯ, พระอาจารย์สิงห์ วัดละครทำ ธนบุรี ซึ่งล้วนแต่เป็นพระอาจารย์ที่ทรงคุณในทางปริยัติ ปฏิบัติ ศีลาจารวัตรงดงาม และมีลูกศิษย์มากมาย
พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ได้ปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนาจนได้บรรลุธรรมกาย ในวันเพ็ญเดือน 10 ระหว่างกลางพรรษาที่ 12 ของหลวงปู่วัดปากน้ำ หลังกลับจากบิณฑบาต ท่านได้เข้าปฏิบัติธรรมในอุโบสถ ท่านได้หลับตาภาวนา “สัมมา อะระหัง” จนกระทั่งใจหยุดเป็นจุดเดียวกัน เห็นเป็นดวงใสสว่างอยู่ที่ศูนย์กลางกาย รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก แม้ขณะช่วงฉันเพลดวงใสก็ยังคงอยู่ที่ศูนย์กลางกาย หลังจากฟังพระปาฏิโมกข์ ทบทวนศีล 227 ข้อของพระ ในช่วงเย็นท่านจึงได้มานั่งสมาธิต่อ โดยใจยังอยู่ในกลางดวงใสสว่างที่ศูนย์กลางกาย ทำใจหยุดนิ่งไปจนกระทั่งดวงสว่างใสมากยิ่งขึ้น และมีเสียงดังมาจากดวงสว่างนั้นว่า “มัชฌิมา ปฏิปทา” พร้อมกับมีจุดสว่างใสอยู่ในกลางดวงสว่างนั้น ท่านจึงมองไปที่จุดสว่างนั้นด้วยใจที่นิ่งๆ จุดสว่างนั้นจึงค่อยๆขยายโตขึ้นมาแทนดวงเก่า ท่านจึงมองเข้ากลางจุดเล็กที่อยู่กลางดวงใส ก็ได้เห็นดวงใหม่ที่สว่างใสมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็เห็นกายในกาย ที่ซ้อนอยู่ภายใน จนกระทั่งถึง “ธรรมกาย” เป็นองค์พระนั่งสมาธิเกตุดอกบัวตูม ใสสว่าง
เมื่อท่านได้มาทบทวนสิ่งที่ท่านได้เข้าถึง ทำให้ท่านได้ทราบว่า การเข้าถึงธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องทำใจให้หยุดให้นิ่ง โดยหน้าที่ของใจ 4 อย่าง คือ เห็น จำ คิด รู้ ต้องรวมหยุดนิ่งอยู่เป็นหนึ่งเดียว (เอกัคคตา) ต่อมาท่านจึงกล่าวสรุปไว้เป็นประโยคสั้นๆว่า “หยุดเป็นตัวสำเร็จ”
“ธรรมกาย” ในคัมภีร์เถรวาท
คำว่า “ธรรมกาย” มีปรากฏหลักฐานในคัมภีร์พระพุทธศาสนาทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายาน เฉพาะในคัมภีร์ของฝ่ายเถรวาท[2] มีคำว่า “ธรรมกาย” ปรากฏอยู่มากมาย กว่า 40 แห่ง อาทิ ในพระไตรปิฎก[3] ปรากฏอยู่ในพระสูตร 4 แห่ง, ในอรรถกามีปรากฏ 25 แห่ง, ในฎีกาพระวินัยที่ชื่อว่า “สารัตถทีปนี กล่าวถึง “ธรรมกาย” ในฉบับภาษาบาลีประมาณ 6 แห่ง, ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคกล่าวถึง “ธรรมกาย” 2 แห่ง, คัมภีร์มิลินทปัญหา 1 แห่ง มีตัวอย่างดังนี้
“...ดูก่อนวาเสฏฐะและภารทวาชะ...เพราะคำว่าธรรมกายก็ดี พรหมกายก็ดี ธรรมภูติก็ดี พรหมภูติก็ดี เป็นชื่อของพระตถาคต...”[4]
“...นักปราชญ์เหล่าใดมีศีลบริสุทธิ์ ....นักปราชญ์เหล่านั้นย่อมเป็นพระสยัมภูปัจเจกชินเจ้า มีธรรมใหญ่ มีธรรมกายมาก มีจิตเป็นอิสระ ...”[5]
“...ชนทั้งหลายไม่อาจให้พระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งทรงแสดงพระธรรมกาย และความเป็นหน่อเนื้อรัตนะทั้งสิ้นให้กำเริบได้ ใครได้เห็นแล้วจะไม่เลื่อมใสเล่า...”[6]
“...ข้าแต่พระสุคตเจ้า รูปกายของพระองค์นี้ อันหม่อนฉันทำให้เจริญเติบโต ธรรมกายอันน่าเพลิดเพลินของหม่อนฉัน อันพระองค์ทำให้เจริญเติบโตแล้ว...”[7]
“ธรรมกาย” ในคัมภีร์ต่างๆ
คำว่า “ธรรมกาย” ยังปรากฏในแหล่งความรู้ต่างๆ อย่างน่าสนใจ อาทิ ในหนังสือ “ประชุมศิลาจารึก ภาคที่ 3” กล่าวว่า ในศิลาจารึกหลักที่ 54 พ.ศ. 2092 ที่จารึกไว้เป็นภาษาไทยและมคธ มีข้อความกล่าวถึงเรื่องราวของพระธรรมกายไว้, ในหนังสือ “ปฐมสมโพธิกถา” ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า พระอุปคุตต์เห็นพระธรรมกาย นั่นคือ พระธรรมกายนั้นสามารถเห็นได้, ใน จารึกลานทอง กล่าวถึง “ส่วนสูงของพระธรรมกาย” ไว้ด้วย ฯลฯ
3 มีนาคม 2560
ฉลามเขียว